วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

TOKAI บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่น อร่อยล้ำๆ เยอะสุดๆ


ไม่อยากบรรยายมาก เอาเป็นว่า แพงนะหัวละ 499++ ไม่รวมเครื่องดื่ม แต่คุ้มค่ะ เมนูมีแทบทุกอย่าง คล้ายยกรายการมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง แถมอร่อยทุกรายการด้วย โดยเฉพาะ เสต็กเนื้อกะทะร้อน หอมเนย เนื้อไม่เหนียว เคี้ยวละมุน หวืดหาย หวืดหาย ต้องสั่งใหม่มาอีก 3-4 จาน ซาชิมิก็สดและอร่อยมาก รายการ handroll ก็อร่อย สาหร่ายที่ห่อมากรอบ ไส้เยอะได้ใจ สลัดแซลมอนก็ได้น้ำสลัดไม่เลี่ยน ทานไปได้เรื่อยๆ ยังมีรายการอื่นๆอีก เช่น ซุปกิมจิ (ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อย แต่อร่อยค่ะ) กุ้งทอดเทมปุระ โซบะที่น้ำซุปเข้มข้นมาก มีไข้ต้มยางมะตูมแนมมาด้วย แล้วอะไรอีกน้า เอ่ยมาเหอะ มีหมดแหละค่ะ อ้อ ยำสาหร่ายก็มีนะ สถานที่เหรอ อยู่อาคารประสานมิตร ที่ตั้งเดียวกับร้านโชคชัยเสต็กเฮ้าส์นั่นแหละ ซอยสุขุมวิท 23

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

นอนไม่หลับ ทำไงได้บ้าง




หลากหลายวิธีเลยค่ะ ตั้งแต่นับแกะ ไปจนทานยานอนหลับ อ้อ เรียกว่า ยาช่วยให้หลับดีกว่า ที่อเมริกา เขาเรียกว่า Sleeping aid pills มีหลากหลายยี่ห้อ ทั้งของ Tilenol หรือ generic brands ของร้านขายยาต่างๆที่เขาปรุงมาขายราคาถูกกว่า เราเคยใช้เหมือนกัน แต่ไม่แนะนำ เพราะถึงแม้กล่องจะบอกว่า ไม่ติด และ รับรองตื่นขึ้นมาสดชื่น ไม่ซบเซา แต่เราติดนะ แบบว่า ถ้าไม่ทาน ก็หลับเองได้ยากมาก แต่ยาพวกนี้อันตรายน้อยกว่ายานอนหลับอย่างแน่นอน เพราะไม่น่าจะมีฤทธิ์กล่อมประสาท มีแต่ทำให้แขนขาหมดแรง ง่วงไปเท่านั้น

เคยมีช่วงที่ใช้ยาแก้แพ้ เภสัชกรแนะนำว่า พวกนักบิน แอร์โฮสเตส นิยมใช้ ชื่อยา Ativan ขนาด 10 mg ทาน ครึ่ง หรือ หนึ่งเม้ด ไม่นาน หมดเรี่ยวแรง นี่ก็ไม่แนะนำอีก มันเหมือนกึ่งสลบๆ

สุดท้าย เวลาเดินทางเปลี่ยน time zone มากๆ เราก็พึ่งเจ้านี่แหละ melatonin เห็นว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยปรับ biological time clock ของร่างกาย การทำงานของมันคือ พอทานปุ๊บ มันจะไปบอกร่างกายว่า "ถึงเวลานอนแล้ว ง่วงสิ" เราก็จะง่วงภายใน 30 นาที แต่ไม่ติดนะ พอวันต่อมา เมื่อถึงเวลาเดียวกันนี้ ร่างกายก็จะเตือนตัวเองได้ว่า "ถึงเวลานอนเหมือนเมื่อวานแล้ว ง่วงสิ" บางคน ทานแค่คืนเดียวก็ตั้งเวลาร่างกายตัวเองได้ บางคน 3-5 วัน บางคนอาจนานกว่านั้นหน่อย

แต่ตอนนี้เราหลับเองได้ง่ายสบายมาก หัวถึงหมอนสลบเลย เคล้ดลับคือ ระหว่างวัน active มากๆเลย ทำอะไรก็ทำ เดิน ทำกับข้าว อ่านหนังสือ เดิน และอย่าทาน ชา กาแฟ หลังห้าโมงเย็น เท่านี้แหละ ยาก็ไม่ต้องใช้ แกะก็ไม่ต้องนับ

แนะนำช่างแต่งหน้า-ทำผม สุดยอดฝีมือ
















อันนี้เราอยากโฆษณาให้พี่เขาเอง เพราะฝีมือดีจริงๆ ชื่อพี่น้อง ไปหาพี่เขาได้ที่ร้าน Qi Shiseido Salon สาขา The Emporium พี่เขาทำได้ทั้งทำผมและแต่งหน้า ซึ่งถือว่าสะดวกมาก โดยเฉพาะกับเจ้าสาว เรื่องราคาต้องคุยกับพี่เขาเอง แต่รับรองว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับช่างแต่งหน้าคนอื่นๆ เราเทียบมาหลายเจ้า แต่ขอบอกเคล็ดลับว่า ให้ไปคุยกะพี่เขาเรื่องทรงผม เรื่องสีเครื่องสำอางก่อน แต่ไม่ต้องลองแต่งก่อนวันจริงหรอกนะ เพราะเขาคิดค่าทดลองเกือบเท่าราคาจริงวันงานเลย เชื่อมือเลยว่า เขาแต่งออกมาได้สวยทันที ของเราเน้นแบบธรรมชาติ

พี่เขาเคยแต่งหน้านางงามมาก่อน เคยเป็นช่าง covermark ที่สำคัญนะ รองพื้นที่พี่เขาใช้ ดีสุดๆ ยิ่งหน้ามัน ยิ่งเหงื่อออก หน้ายิ่งใสธรรมชาติ แต่ไม่มีโทรม แถมสเปรย์ฉีดผม ก็สุดยอด ขนาดผมเราวันงานแห้งผากเลย ฉีดสเปรย์นี้ไปผมเงางามสวยจนคนทักอ่ะ โฆษณาแค่นี้นะ เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา ฮ่าๆๆๆ แต่ของดีต้องบอกต่อ คนมีฝีมือต้องสนับสนุน ถ้าไปหาเค้าก็บอกด้วยว่า 'แพมแนะนำมา' เผื่อเขาลดให้นะ

ทานเนื้อทั้งที ต้องที่ Akiyoshi พระโขนง




เกือบลืมพูดถึงร้านเนื้อชาบูร้านโปรด Akiyoshi อะคิโยชิ ที่ตึก Taisin เชิงบันได้รถไฟฟ้าพระโขนง ปากซอย สุขุมวิท 67 เราเป็นลูกค้าประจำร้านนี้มาสามปีแล้ว ถ้าช่วงกลับเมืองไทยก็จะไปตลอดเลย เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้งค่ะ คู่หูคู่กินขาประจำร้านนี้คือ น้องชาย เราเอง ซึ่งมีความสามารถในการรับประทานพอๆกัน แถมยังชอบอาหารแนวเดียวกันด้วยนะ

ร้านนี้มีสินค้า 3 lines คือ บุฟเฟท์สุกี้ญี่ปุ่นหรือชาบูเนื้อ/หมู หัวละ 399++, รายการอาหารปิ้งย่าง และ รายการอาหารญี่ปุ่นตามสั่ง เรามาทีไรก็จะทานแบบแรก และเลือกเป็นสุกี้ แต่สั่งน้ำจิ้มชาบูมาเพิ่มด้วย น้ำสุกี้รสชาติเข้มข้น หอมหวาน พอได้น้ำจิ้มชาบูสูตรเปรี้ยวมาแกล้มก็ได้ใจไปอีกแบบ บางทีเราก็เลือกจิ้มน้ำจิ้มถั่วแบบกลมกล่อม ที่พิเศษสุดของร้านนี้คือ เนื้อสไลด์บางเฉียบแทบละลายในปาก มันช่างสมคุณค่าการกินเนื้อจริงๆ คุณหมอขอให้ลดรายการเนื้อแดงไปบ้างเพื่อลดความดัน แต่ถ้าเป็นเนื้อที่อะคิโยชิถึงไหนถึงกัน ทานไปห้าหกถาด เหมือนล้มวัวไปครึ่งตัว แต่ก็คิดว่าทานไปเถอะคุ้มแล้ว ไว้ไปลดเอามื้ออื่น แบบว่าดีกว่าทานเนื้อแดงที่อื่นที่ไม่ค่อยมีคุณภาพแล้วความดันขึ้นไงคะ ทานที่นี่ คุ้ม!

น้องชายเราชอบขอสั่ง พิซซ่าญี่ปุ่นมาแนม ราคาไม่แพงเลย แผ่นเล็ก 80 บาท เท่านั้น ทอดมาได้บางกรอบ ซอสก็กลมกล่อม แถมให้ปลาโอแผ่นโรยหน้ามาเพียบอีกด้วยค่ะ อร่อยหลายอย่างแบบนี้ ใครชอบทานอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะคอเนื้อ ไม่ควรพลาดนะคะ




วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

ร้านขนมอร่อย เบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น After You


อยากทานมานานแล้วร้านนี้ แต่ไม่มีโอกาส เวลาแวะไป J-Avenue หรือแถวทองหล่อทีไร ก็มีเหตุให้ได้ทานของอร่อยอื่นๆจนพุงกาง ไม่เหลือพื้นที่กระเพาะไว้ให้ขนมหวานของร้านชื่อดังแห่งยุค ที่มีสนน ราคาเฉียดข้าวหนึ่งมื้อ ซะทุกที


แต่ในที่สุด สวรรค์ก็บันดาลให้เราได้มาทานร้านนี้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน บอกได้คำเดียวว่า พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก ร้านน่ารักดูสไตล์ Modern Japanese คนรอคิวทานขนมกันยาวเชียว น้องชายเราบอก "ร้านนี้ต้องมีดีแน่ๆ" พอได้เข้าไปก็ไม่ผิดหวังเมื่อเห็นหน้าตาขนมในตู้โชว์ แถมยังมีรายการขนมปังทำสดต่างๆในเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กันให้เลือกอีกอักโข ยังไม่หนำใจ พอเห็นรายการเครื่องดื่มก็แทบจะเป็นลม เพราะมันช่างน่าทานไปหมด เลือกไม่ถูกเลยค่ะว่าจะสั่งอะไรดี ระหว่าง ชาผลไม้ กาแฟร้อนเย็นเพื่อให้ความขมนิดๆมาช่วยตัดรสหวานของขนมที่สั่งไป หรือว่าจะเป็นชาเย็นน้ำผึ้งมะนาว เรียกความสดชื่น ปรากฏว่า เราสั่งมาสองแก้วเลยหล่ะ อิอิ แก้วแรกเป็น iced macchiato coffee อีกแก้วได้ใจมากๆๆๆๆๆๆ หอม หวาน กลมกล่อม เป็น caramel chocolate pudding (จำชื่อจริงๆไม่ได้ค่ะ) อร่อยจนละเมอไปอีกหลายวันเลยอ่ะ


เราสั่งของหวานรายการยอดฮิต คือ Shibuya Honey Toast มาทาน ที่ใหญ่มากกกกกกกก แต่อร่อยจริงๆอ่ะ ขนมปังหนากรอบนอกนุ่มใน ชุ่มด้วยเนยและน้ำผึ้ง เคียงมาด้วย vanilla icecream และ whipped cream งานนี้บอกได้คำเดียวว่า คลอเรสเตอรอลกระจาย!!! แต่ก็สู้ตายนะคะ คนเสิร์ฟยังแนะนำให้ทานคู่กับ syrup อีกต่างหาก โห! น้องชายเราหม่ำใหญ่เลย จานที่สอง เป็นจานสุดโปรดของเรากับน้องนะ ชื่อ Miele ดูธรรมดาๆ แต่อร่อยกลมกล่อม เป็น crepe cake คือเขาเอา เครปนะคะมาเรียงเป็นชั้นๆๆๆ แล้วตัดสามเหลี่ยมเป็นรูปชิ้นขนมเค้ก แต่ละชั้นเครปก็ทาครีมสดรสชาติกลมกล่อมหวานปะแหล่มๆ ตักหายๆเข้าไปอย่างลืมตัวจนหมดชิ้นเลยค่ะ อีกรายการที่สั่งมา คือ tiramisu ก็แฟนเรานะสิ ดันมาบอกว่า ไปไหนให้สั่งของมาตรฐานมาลองทานดู กันความผิดหวัง เช่น จะทานสลัดก็ต้อง Ceasar นะ ทานขนมก็ Tiramisu นี่แหละ อร่อยมาตรฐานพอๆกันทั่วโลก แต่ปรากฏว่า รายการนี้ของร้านนี้ ไม่ค่อยถูกใจเรา เพราะอะไรก็ไม่ทราบ มันออกเป็นกาแฟเกินไปมั้ง แล้วก็ขมนิดๆ แต่คนอื่นเขาก็ชอบกันนะคะ นานาจิตตัง


ส่วนที่เราอยากให้ทางร้านปรับปรุง คือ ห้องน้ำน่ะค่ะ นัยว่าร้านสวยเก๋ ขายขนมแพง น่าจะลงทุนกับห้องน้ำให้มากกว่านี้อีกนิด จะได้ perfect ให้คะแนน 10.5 เต็ม 10 เลยไงคะ แต่ห้องน้ำที่นี่ทำให้เราผิดหวังนิดๆกับกลิ่น ความสะอาด ประสิทธิภาพ และโดยเฉพาะข้อความที่ทางร้านเขียนไว้ ถึงการขอร้องให้ "ลูกค้าผู้มีรสนิยม" ช่วยกันรักษาความสะอาด เราอ่านแล้ว มันดูเหมือนประชดประชันนิดๆ เลยใจฝ่อหน่อยๆค่ะ นอกนั้นร้านนี้ก็ได้ใจเราไปเต็มๆเลย

Go Organic! มาเป็นพวกนิยมออร์แกนิคกันไหม




ที่สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆมีกระแสทานอาหารหรือใช้ของแบบ organic กันมาสักพักใหญ่แล้ว แต่กระแสนี้ยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างในเมืองไทย สงสัยเหตุเพราะมี supplier สินค้า organic ไม่มากพอ สินค้าแบบ organics คืออะไร ดิฉันไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญ จึงของอธิบายแบบชาวบ้านว่า "เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่ผ่านการใช้สารเคมี ซึ่งดีทั้งต่อผู้บริโภค เกษตรกรเอง และสิ่งแวดล้อม เพราะถ้าเกษตรกรไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง ก็จะไม่มีสารตกค้างในตัวพืชผัก และรวมไปถึงชั้นบรรยากาศ" คุณคงเคยได้ยินถึงมหันตภัยจากสาร CFC ซึ่งทำให้เกิดภาวะโรคร้อน และอื่นๆตามมาอีกมาก คราวนี้คุณคงเข้าใจบ้างแล้วว่าพืชผักผลไม้ปลอดสาร ก็คือ สินค้า organic ประเภทหนึ่ง แต่สินค้าไลน์นี้ ยังรวมถึง เนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมธรรมชาติอื่นๆด้วย มันเป็นไปได้อย่างไร ขออธิบายง่ายๆว่า เช่น นม organic ก็คือ นมที่ได้มาจากแม่วัวที่ทานหญ้าที่เป็น organic คือ ไม่ผ่านเคมีภัณฑ์ และไม่มีการใช้สารเคมีแก่วัวเผื่อเร่งการเติบโตหรืออื่นๆ กาแฟ organic ก็ง่ายๆ คือ กาแฟที่ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี และขั้นตอนการอบคั่วก่อนมาถึงมือคุณ ก็ไม่ผ่านเคมีต่างๆ อาจจะรวมถึงเป็นเมล็ดกาแฟที่เก็บด้วยมือก็ได้

สินค้า organic จึงมักมีราคาค่อนข้างแพง เพราะต้นทุนสูงกว่าในการดูแลรักษาและผลิตอย่างใส่ใจ เกษตรกร organic เป็นผู้ใส่ใจในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่มักง่าย เขาจึงอาจจะได้ผลิตผลน้อยกว่าคนที่ทำการเกษตรแบบ mass product ทำให้เขาต้องขายสินค้าราคาสูงกว่ารายอื่นค่ะ

ตอนนี้สินค้าออร์แกนิคออกมาหลากหลายมากๆ ไม่จำกัดอยู่เฉพาะหมวดอาหารการกิน แต่ยังมี ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ทิชชู่ จานกระดาษ น้ำยาทำความสะอาดส่วนต่างๆของบ้าน ฯลฯ สินค้าพวกนี้นอกจากมีส่วนประกอบจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ไม่ผ่านสารเคมี ยังไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ ไม่มีสารตกค้าง และย่อยสลายได้ เช่น น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ถ้าเราใช้แล้วเทน้ำทิ้งลงตามท่อซึ่งพอมันไหลไปตามใต้ดินจนไปรวมที่แหล่งน้ำที่ไหนสักแห่งก็ไม่ก่อให้เกิดพิษต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ เขาใช้คำว่า ย่อยสลายตามธรรมชาติ หรือ biodegradable ค่ะ

ถ้าคุณจะเริ่มมาเป็นผู้นิยมสินค้า organic เพื่อแสดงความใส่ใจในสุขภาพของตนเอง และใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกนิด ก็อย่าลืมพิจารณาถึงงบประมาณและ lifestyle ของคุณด้วยว่าเป็นคนชอบทานอะไร ชอบทานอย่างไร และมีร้านสินค้าประเภทนี้ใกล้คุณหรือไม่

"We encourage you to go organic to support such ecologically minded farmers in your countries and in the world."

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำไมต้องทานอาหารอิตาเลี่ยนที่หัวหิน




ดิฉันเนี่ย งง มากๆเลยค่ะที่ช่วงนี้ได้ยินมาหนาหูเหลือเกินว่า มาหัวหินต้องทานอาหารฝรั่งร้านนั้น อาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้ สารภาพตามตรงว่าส่วนตัวเป็นคนที่ชอบทานของท้องถิ่น เช่น ถ้าไปทะเลก็ขอทานอาหารทะเลแซ่บๆ ไปเหนือก็ขอทานข้าวซอย น้ำพริกหนุ่มอะไรกันไป ไปอีสานก็ทานปลาแม่น้ำ ทานอาหารอีสาน ไปแถบอุบล อุดร ก็ไม่ยอมพลาดไข่กะทะมื่อเช้า อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ฉะนั้นพอเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดชวนไปลิ้มอาหารอิตาเลี่ยนที่หัวหิน ดิฉันจึงปฏิเสธทุกทีไป

แต่คราวนี้มันต่างกรรมต่างวาระนะคะ เพราะเดี๊ยนกับแฟนเกิดท้องร่วงอย่างหนักหน่วงเมื้อไปถึงหัวหิน ทริปนี้จึงไม่เหมาะกับการทานอะไรเสาะท้อง หรือ อาหารรสจัด หวยจึงมาออกที่อาหารอิตาเลี่ยนค่ะ เราเริ่มลองมื้อแรกที่ร้าน ชื่อ Pasta Factory โดยมีตัวอักษรเล็กๆ กำกับว่า by Nut and Hannes ร้านนี้พิเศษตรงที่ขายพาสต้า ขายพิซซ่าแต่ตกแต่งร้านแบบไทยสุดๆ เวลาพาสต้ามาเสิร์ฟก็มาเป็นชาม และมีพวงเครื่องปรุงตามมาติดๆแบบก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา ต่างกันตรงที่ในพวงแทนที่จะเป็นน้ำส้มพริก น้ำปลา กลับเป็นชีส ออริกาโน ปาปริก้า เก๋ดีค่ะ ดิฉันไม่ได้ถามใคร แต่เดาเอาเองว่า เจ้าของร้านคงเอาจุดเด่นที่ว่าพาสต้าเป็นอาหารเส้นของคนตะวันตกก็เปรียบได้กับเป็นก๋วยเตี๋ยว ถึงได้นำเสิร์ฟแบบมีเอกลักษณ์เช่นนี้ ร้านนี้ดิฉันไม่มีรูปมาเสนอนะคะ เพราะไปทานตอนมืดและร้านก็มืดอีกเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

ร้านที่สองนี่ดังกว่า และ แพงกว่า (สำคัญๆ)กว่าร้านแรก มีชื่อว่า Mamma Mia ร้านเล็กๆ ตกแต่งแบบตะวันตกดู cozy นิดๆ homemade หน่อยๆ อยู่เยื้อง สภ หัวหินค่ะ พอไปถึงดิฉันก็ร้องอ๋อทันที เพราะเป็นร้านเดียวกับที่เคยนิยมมาทานไอศกรีมตอนยังเอาะ แต่ตอนนั้นไม่สนอาหารค่ะ มุ่งหน้าทานไอศกรีมที่เขาเรียกกันว่าแบบ gelato เท่านั้น

ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างสองร้าน แฟนดิฉันบอกว่าร้านที่สองกินขาดในเรื่องของวัตถุดิบ การปรุง และบรรยากาศ แต่เราติเรื่องรสชาติที่เป็นอิตาเลี่ยนแท้ไปหน่อย เลยออกแนวเลี่ยนและชืด ร้านแรกนั้น วันที่ไปทานเส้นสปาเก็ตตี้ออกจะแข็งไปหน่อย แต่รสชาติจัดจ้านดี ก็ขึ้นอยู่กับคนแล้วค่ะว่าชอบแบบแท้ๆ รสละม่อม หรือ ชอบรสชาติแบบดุดันขึ้นมาอีกนิดแบบลูกผสม hybrid ลองไปทานกันดูค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

รอเสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย

ซาล่า นี่เรามาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายจริงๆเหรอพรล้า
พรล่า อืม ทำไงดี แล้วเราต้องค้างที่สถานีนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่
ซาล่า ไม่รู้สิ ทำไมมันแย่แบบนี้
พรล่า กลัวจัง หนาวด้วย ไม่มีใครอยู่เลย กลับมาเถอะรถไฟ กลับมา สายไหนก็ได้ขอไปด้วยคน
ซาล่า สายไหนก็ได้เหรอ ถ้ามันไปที่ที่เธอไม่ชอบหล่ะ
พรล่า เราอยู่ไม่ได้แล้วล่ะ เรากลัวเหงา ขอไปที่ไหนสักแห่งเถอะที่ไม่ใช่ที่นี่ เธอก็ควรไปด้วยนะ
ซาล่า ไม่รู้สิ เราอยากไปที่ที่เราอยากไป นานแค่ไหน เราก็จะรอ

‘เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย ได้ฟังแล้วใจหาย หัวใจน้องนี้แทบขาด….’
เวลาเข้าตาจน คนเรามีทางเลือกสองทาง คือ ยืนหยัดรอสิ่งที่ต้องการ หรือ ไขว่คว้าอะไรก็ได้ไว้ก่อน คุณเป็นคนแบบไหนคะ

ยามไม่มีแฟนหรือเพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ ความเหงาถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดและเคยคร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน ความเข้มแข็งเป็นวัคซีนที่ช่วยต่อต้านความเหงาไว้ได้ และความหวังเป็นเหมือนไวตามินที่ช่วยให้เราฟื้นพลังมาสู้กับความเหงาได้เร็ววันขึ้น พูดถึงเรื่องความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายนี่ ใครไม่เคยสัมผัสก็จะไม่เข้าใจ บางทีมีคนอยู่ห้อมล้อมมากมาย แต่เรากลับเกิดอาการเหงาขึ้นมาจับใจอย่างบอกไม่ถูกและไม่รู้สาเหตุ ด้วยเหตุทีความเหงามันน่ากลัวเช่นนี้ หลายคนจึงรีบมีแฟนแต่งงานและมีลูกเพื่อเป็นปราการป้องกันความเหงาอย่างถาวร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีเหมือนกันหมดนะคะ จริงไหม บางคนอย่างดิฉัน ก็ยังไม่ได้แต่งงาน และอยู่ลำพังมาสามสิบปีแล้ว เพื่อนๆพี่ๆบางคน เผชิญความเหงาอย่างกล้าหาญมานานกว่าดิฉันมากนัก พวกเขาพวกเธอก็ยังอยู่กันมาได้อย่างมีความสุข รถด่วนขบวนสุดท้ายจากไปแล้ว ทิ้งเขาและเธอไว้ที่ชานชลา แต่บางครั้งแม้จะวิ่งตามได้ทัน แต่บางคนก็เลือกที่จะไม่ตาม ไม่ฝืน เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองฝันไว้ คนแบบนี้ ไม่น่าชื่นชมหรอกหรือ

นิมิตรเพื่อนสมัยเรียนปริญญาโท โดนแฟนบอกเลิกหลังจากวางแผนแต่งงานกันได้ไม่นาน ด้วยเหตุผลที่หล่อนเพิ่งรู้ตัวว่า ‘เราเข้ากันไม่ได้’ เหตุผลคลาสสิคกลบเกลื่อนเหตุผลจริงที่ว่า ‘ฉันเจอคนอื่นที่ดีกว่าเธอ’ นิมิตรทนต่อสู้กับความเหงาเพียงลำพังไม่ได้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะหาใครมาแทนที่ แฟนเก่าที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือยังโสดอยู่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เหตุเพราะอย่างน้อยก็เคยรู้ใจกัน มันน่าจะง่ายกว่ารอคนใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร และอีกอย่างการสานสัมพันธ์เก่าๆ มันย่อมมีหวังมากกว่าการสร้างสัมพันธ์ใหม่ๆอยู่แล้ว เพราะคุณมีทุนเดิมอยู่ นอกเสียจาก ทุนของคุณจะติดลบไว้ เพราะจบแบบไม่สวยมา ถ้าเป็นแบบนี้ ขอแนะนำให้ไปตายเอาดาบหน้าค่ะ นิมิตรทำรายการชื่อแฟนเก่าพร้อมเบอร์โทรเท่าที่พอจะหาได้ และโทรหาทุกคน พยายามนัดออกมาเจอและดูว่ารายไหนน่าจะมีแนวโน้มพอจะก่อถ่านไฟเก่าให้ลุกขึ้นมาได้อีก ผู้ชายมักจะได้เปรียบเรื่องการออกล่าเหยื่อ เพราะเป็นธรรมชาติของเพศผู้ ไม่ได้ดูขัดเขินลูกตาหรือผิดจารีต แต่ลองเป็นสาวๆอย่างเราสิ ถ้าใครลองลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยไปเดินตามบาร์ หรือ ไปที่เที่ยวกลางคืน ก็จะถูกหาว่า มาล่าผู้ชาย และจะถูกมองไม่ดีไปอีกร้อยแปดพันประการ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักมีทัศนคติในทางลบกับผู้หญิงที่เจอก๋ากั่นตามร้านเหล้า บ้างว่า คบได้แบบสนุกๆ ไม่คิดเอามาเป็นเมียจริงจัง ดูสิ เราก็โดนทั้งขึ้นทั้งร่อง อยู่บ้านก็แห้งตาย ออกมาเที่ยวให้สุดฤทธิ์แบบขอเปรี้ยวเยี่ยวราด ก็กลายเป็นหญิงงามเมือง ไม่ค่อยมีความยุติธรรมเลยนะคะ คุณว่าไหม เล่าเรื่องนิมิตรต่อ สรุปว่า เขากลับไปหาแฟนเก่า เพื่อเอามาเป็นแฟนใหม่จนสำเร็จ พอแต่งงานกันก็เลยนับประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ได้ยืดยาว ว่าคบหากันมาตั้งแต่มัธยมปลาย รักกันมาสิบสองปี ทั้งที่จริงจีบกันตอนมอห้า แล้วพอเอ็นติดก็แยกย้าย มาเจออีกทีก็นี่แหละหกเดือนที่แล้ว แต่แขกเหรื่อในงานวิวาห์ก็ชื่นชมว่าเป็นคู่รักทรหด แบบนี้มีหลายคู่นะจะบอกให้

บ้างก็คว้าเพื่อนสนิทมาทำแฟน แบบว่ามองกันไปมองกันมา ไม่รู้ว่ารักกันตอนไหน รู้ตัวอีกที เธอคือคนที่เข้าใจเรามากที่สุดแล้วหล่ะ เมื่อวัยวุฒิมันถึง อะไรๆก็เป็นไปได้นะคะ หลายคนที่มีแฟนแต่ไม่มีความสุข เพราะรู้แก่ใจดีว่าว่าคนข้างกายนั้นไม่ใช่คนที่ฝัน แต่ก็ไม่สามารถทนกับความเดียวดายได้ จึงจำใจอยู่กันไปแก้ขัด บางคนขอเพียงแค่ได้มีแฟน ถึงอีกฝ่ายจะร้ายแค่ไหนก็ยอมทน กุลธิดา เพื่อนที่ทำงาน ผู้ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าแฟนนอกใจไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ยังทนได้ สารภาพให้ดิฉันฟังเป็นวิทยาทานว่า “เราอยากมีความรัก แค่ได้รู้ว่ามีใครเป็นแฟน มันก็อบอุ่น ได้มีใครสักคนไว้คิดถึง ไว้พูดถึง ไว้ไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนบ้าง ก็ยังดีกว่าไม่มีใครนะ” กุลธิดาพูดไปยิ้มไป แต่นัยน์ตามีแววเศร้า ใครๆก็รู้ว่าแฟนของหล่อนเจ้าชู้มาก และพูดจาไม่ให้เกียรติหล่อนบ่อยๆ แต่กุลธิดาก็มีความสุขที่ได้มีความรัก ความรักแบบนี้ ดิฉันว่าน่ากลัวทีเดียว เหมือนเราตกหลุมรักกับความรัก ภาษาอังกฤษว่า fall in love with love คือ เราไม่ได้รักคนๆนั้น แต่เรารักการมีความรัก เป็นภาวะ ที่ต้องการมีความรักกับใครก็ได้สักคน “มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่นา” เพื่อนสาวโสดคนหนึ่งของดิฉันออกความ เห็น “คนเราอยากมีความรักมันจะผิดตรงไหน” ดิฉันเองก็ว่าไม่ผิด แต่ถ้าคุณเป็นอย่างกุลธิดา คือ รู้ทั้งรู้ว่าคนรักหักหลัง แต่ยังขอมีเขาอยู่เพื่อได้มีความรัก แบบนี้ ดิฉันเห็นว่า คุณรักตัวเองน้อยเกินไป และให้เกียรติตัวเองน้อยเกินไป รักคนที่สมควรรัก รักคนที่เห็นคุณค่าของความรักของเรา นี่เป็นมโนภาพของความรักในแบบที่ดิฉันใฝ่หา เคยมีครั้งหนึ่ง ดิฉันไปสัมภาษณ์งานกับหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งตอนอายุได้ยี่สิบสอง เมื่อผ่านรอบข้อเขียน ทุกคนจะต้องถูกสัมภาษณ์โดยนักจิตวิทยา เป็นอะไรที่แปลกมาก ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ดิฉันจำได้แม่นว่า คำถามแรกที่นักจิตวิทยาหนึ่งในสามท่านถามดิฉันคือ “หนูมีแฟนรึยังจ๊ะ” ดิฉันตอบไปว่า “ก็พอมีดูๆกันอยู่ค่ะ” คุณหมอท่านเดิมถามต่ออีกว่า “หนูจะเลือกผู้ชายแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิต” ตอนนั้นดิฉันนึกว่า มันเกี่ยวอะไรกับงานนี้นะนี่ แต่ก็เป็นคำถามที่ชวนให้คิด เพราะสมัยเด็กเราก็คงไม่ต้องการอะไรมาก นอกจาก รูปหล่อ พ่อรวย นิสัยดี แต่การสัมภาษณ์ระดับนี้ ดิฉันคงจะตอบอะไรตื้นๆแบบนี้ไม่ได้ สามสิบวินาทีที่หยุดคิด ดิฉันตอบสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจขณะนั้น โดยไม่รู้ว่า ข้อความเหล่านั้นจะฝังใจตัวเองจนกลายมาเป็นบุคคลิกภาพของดิฉันในปัจจุบัน “หนูชอบคนที่หนูจะสามารถภาคภูมิใจในตัวเขา และเขาก็ภาคภูมิใจในตัวหนู ชอบคนที่พอใจในสิ่งที่หนูเป็น คนที่เห็นว่าหนูเก่ง หนูดี และเขาก็ต้องเก่งด้วยและดีด้วย ความดีและจิตใจนี่สำคัญมาก เพราะท้ายที่สุด เราจะภูมิใจที่แฟนเราเป็นคนดี มากกว่าที่เขาเป็นคนเก่งหรือคนรวยค่ะ” คุณหมอยิ้มแล้วถามว่า แล้วหนูคิดว่าเจอคนๆนั้นแล้วหรือยัง ดิฉันตอบอย่างใสซื่อว่า “คิดว่ายังค่ะ” คุณหมอยิ้มอีกครั้งก่อนที่เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นต่อไป ดิฉันไม่รูัหรอกว่า คำตอบที่ให้ไปนั้นดีมากน้อยเพียงใดในเชิงจิตวิทยา ดิฉันรู้แต่ว่า เป็นคำตอบที่ไม่โกหกตัวเองที่สุด และเมื่อได้พูดออกไปแล้วก็รู้สึกสบายใจ ตอนนั้น ดิฉันคบกันผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ดิฉันพูดออกมาเลย เขาไม่เคยชมอะไรฉันสักนิด มีแต่ติในทุกๆเรื่อง พอวันไหนดิฉันงอนหรือน้อยใจ เขาก็จะขำๆแล้วพูดว่า “แหมตัวเองก็ ตัวเองก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าพูดเล่น ถ้าไม่ชอบตัวเอง เค้าจะมาคบกับตัวเองเหรอ” แต่ถ้อยคำวิจารณ์ก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเขาไม่มีวันจบสิ้นจนดิฉันแทบทนไม่ได้อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดิฉันจะอ้วนไปบ้างหล่ะ แต่งตัวไม่ทันสมัยบ้าง ไม่ทันคนบ้าง คำพูดต่างๆที่ทำให้ self-esteem หรือ ความรู้สึกรักและเคารพตัวเองของดิฉัน ต่ำลงๆ แต่ดิฉันก็ทนอยู่ ด้วยความที่ว่า ‘ดีกว่าไม่มีแฟน’ แต่หลังจากได้ตอบคำถามท่านนักจิตวิทยาครั้งนั้น ดิฉันได้คิดว่า ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายรอให้เขาเลือก ทำไมเราไม่เป็นฝ่ายเลือกผู้ชายบ้างหล่ะ ในเมื่อผู้ชายคนนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกใจเรา ทำไมเราต้องทน ไม่นานดิฉันจึงปลีกตัวออกห่างจากเขา และพ้นจากบ่วงวจีกรรมได้สำเร็จค่ะ

เชื่อว่าเพื่อนสาววัยสามสิบอัพ คงกำลังรอรถด่วนขบวนสุดท้ายกันอยู่อย่างเงียบๆ อย่าปฏิเสธเลยค่ะว่าไม่แคร์ เดี๊ยนเองยังยอมสารภาพว่า นับวันรอเลยล่ะ อยากรู้จังว่าเนื้อคู่ของเราจะเป็นใคร จะเป็นคนที่เจอกันที่สัมมนาเมื่อวันก่อน และได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรกันไว้ไหม หรือว่าจะเป็นกิ๊กที่ควงกันอยู่แบบบุฟเฟ่ท์ เจอกันเมื่อธรรมชาติเรียกร้องอยากให้เจอ หรือว่าจะเป็นเพื่อนชายคนสนิทที่คบหากันมานานนับสิบปี เขาก็ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เราเองก็ห่างวงการมาพักใหญ่ ใครหนอ ใครคนนั้น แต่ไม่ว่าวันๆนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ขอให้เรารู้ไว้เถิดว่า เกิดเป็นหญิง เรามีสิทธิเลือก เราไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกเลือกนะคะ คนที่คุณคบด้วยคือคนที่คุณเลือกเขา ไม่ใช่เขาเลือกคุณค่ะ ถึงรถไฟเที่ยวสุดท้ายจะแล่นมาเอื่อยๆเชิญชวนเราขึ้น แต่ถ้าไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคืออะไร หรือ ปลายทางเป็นคนละทิศละทางกับที่เราต้องการ เราจะไปตายเอาดาบหน้าทำไมเล่า play safe ค่ะ คิดให้ดี ความโสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าต้องให้หยิบยกตัวเลขสถิติของสาวโสดในเมืองไทย หรือในโลก มาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือก็ได้ค่ะ คำว่านางสาวใช้ไปจนแก่ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนี่นะ พูดให้กำลังใจกันค่ะ เพราะเผื่อดวงใครจะเป็นดวงโสดถาวร ดิฉันนี่ยังลังเลใจอยู่เหมือนกัน เพราะความที่ทุกหมอดู คอมเมนท์ว่าเป็นดวงประ คู่ที่มีจะมีคนอื่นด้วย ไม่คาราคาซังกะแฟนเก่าก็จะมีคนอื่นเข้ามา เฮ้อ กลุ้ม แถมหมอบอกว่า ไม่มีทางแก้ไข ให้ทำใจยอมรับ ดิฉันก็เลยยังไม่แน่ใจว่า ถ้ามีแฟนจริงจังแล้วจะกล้าแต่งงานไหม บางทีชีวิตเราอยู่ลำพังมาสามสิบปี มันก็เริ่มชินๆนะ มีอิสระ และไม่ขึ้นตรงต่อใคร ไม่รู้สิคะ ยังพูดไม่ได้เพราะเวลายังมาไม่ถึง

พวกผู้ชายก็มีกลัวความโสดเหมือนกันนะคะ เมื่อหลายปีก่อนจำได้ว่า มีเพื่อนประถมโทรมาหาเพื่อทาบทามเดี๊ยนให้กับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่หมอดูประกาศว่า ถ้าไม่ได้แต่งงานปีนั้น ชีวิตนี้ก็จะไม่ได้แต่งอีกเลย เจ้าประคุณ คำพูดแบบนี้ ถ้ามาพูดกับเดี๊ยน เดี๊ยนไม่เชื่อนะคะนี่ ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มคนนั้นเชื่อเข้าไปได้ยังไง ถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไรเล่าถึงจะไม่ได้แต่ง เพื่อนบอก “เออว่ะ ลืมถามหมอไป” เฮ้อ ขอถอนหายใจอีกที เป็นคำทำนายที่ไม่สมจริงเอาเสียเลย คนเชื่อก็ค่อนข้างงมงาย ปรากฏว่า เดี๊ยนไม่ไปเจอหรอกนะคะพ่อหนุ่มคนนั้น เพราะเดาได้ว่า nerd เกิดมาไม่เคยมีแฟน เอาแต่เรียนๆๆๆ พอเรียนจบทำงานก็ก้มหน้าก้มตาทำไป วันๆ ไม่คิดเรื่องคู่ ไม่เคยปิ๊งสาวที่ไหน แต่พอหมอดูบอกมาแบบนั้น จู่ๆก็ลุกขึ้นมาบอกเพื่อนฝูงให้ช่วยหาเมียให้หน่อย คนแบบนี้ ไม่ใจเลยค่ะ

เมื่อสองปีก่อน แฟนเก่าคนหนึ่งของเดี๊ยนติดต่อมาทางอีเมล์ บอกว่าจะกลับมาจากต่างประเทศขอนัดพบจะได้ไหม ด้วยอารามดีใจเดี๊ยนก็ตอบตกลงไปค่ะ ในใจก็แอบนึกว่า จะมาไม้ไหนนะ จำได้ว่าเขามีแฟนแล้วนี่ หนุ่มคนนี้ปัจจุบันประสบความสำเร็จในอาชีพของเขามากๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าใครที่หลุดมือเดี๊ยนไปแล้ว จะได้ดีกันทุกคน เฮ้อ นักปั้นตัวจริงเลยเรานี่ อิอิอิ พูดเล่นค่ะ แต่หลายคนนะคะที่โด่งดังไปเลย เดี๊ยนนั่งฟังข่าวก็แอบเสียดาย แต่คนอย่างเราต้องไม่เดินถอยหลังค่ะ สายน้ำไม่มีวันไหลกลับ แหะๆ พูดซะดี แต่ก็แอบหวั่นไหวนะ คุณพี่คนนั้นขับซีรี่ห้ามาเลยค่ะ หน้าตายังจิ้มลิ้มเหมือนเดิม แต่ด้วยความเป็นอาร์ทติสหัวหูก็เลยดูยุ่งเหยิงไปหน่อย เดี๊ยนวางตัวพองามแบบว่าคุยกันแบบพี่น้อง แค่คนรู้จักมักจี่มาแต่เด็ก แต่พอเดี๊ยนไปทักว่า “ผมพี่ไปทำอะไรมา ยังกะทอร์นาโดลงเลย” เขาทำไงรู้ไหมคะ พี่เขาก้มหัวลงมาข้ามโต๊ะกินข้าวแล้วบอกว่า “งั้นจัดให้หน่อยสิ” นาทีนั้นเดี๊ยนลังเลมากๆ เป็นวูบแห่งการตัดสินใจ ถ้าเดี๊ยนยื่นมือไปทำให้ หนังอาจจะจบแบบคนละม้วนเดียวกันไปเลย แต่ในที่สุด เดี๊ยนก็บอกว่า “ไม่ดีมั้ง พี่หวีเองเหอะ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” อยากตบปากตัวเองเหมือนกันแหละ พูดไปได้ยังไง พี่เค้าดูเขินๆนิดๆ เหมือนโดนตบหน้า เพราะเค้าก็ไม่ได้เป็นคนหน้าหม้อหูดำอะไร จากนั้นบทสนทนาก็ยังดำเนินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จริงๆ หลังจากอาหารมื้อนั้น เดี๊ยนก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย ได้ข่าวอีกทีว่ากลับไปเมืองนอกแล้ว กลับไปโดยไม่ลา เพื่อนๆคิดดูสิคะ เดี๊ยนได้เสียรถด่วนขบวนสุดท้ายไปรึเปล่า หรือว่า ดีแล้ว นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น เดี๊ยนไม่เสียดายเลยนะ เพราะถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะมีเจตนามาเจอเราเพื่อโยนหินถามทาง แต่พอไม่เห็นแววสำเร็จเพียงครั้งเดียวก็ตีตั๋วกลับเลยแบบนี้ ใช้ไม่ได้ค่ะ แสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่นี่เป็นความเห็นส่วนบุคคลของเดี๊ยนนะคะ เพื่อนๆไม่ต้องเชื่อตามหรอก

เรื่องตามหาเนื้อคู่นี่ได้รับความสนอกสนใจมากจริงๆนะ เห็นได้จากนิตยสารแทบทุกฉบับ อย่างน้อยต้องมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น เคล็ดลับพิชิตใจชาย ทำยังไงให้แฟนขอแต่งงาน สิบห้าเทคนิคเพื่อยุติความโสด ไม่ว่านิตยสารเล่มไหนจะหยิบหัวข้อแนวใดมาเขียน ก็มักจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพื่อนสาวของเดี๊ยน ทุกคนนั้นถือได้ว่ามีความรู้ภาคทฤษฎีเป็นเลิศ ควรทำแบบไหนในเดทแรก วิธีมัดใจชาย คำพูดไหนเข้าหู คำพูดไหนไม่เข้าหู พวกเรารู้ทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติจริง หรือบางทีพอถึงเวลาจริงกลับลืมทฤษฎีเจ้าค่ะ

ในที่สุดก็ต้องมานั่งรอรถด่วนขบวนสุดท้ายอยู่หน้าจอคอมฯ สาวยุค millennium อย่างเรา จะให้ไปยืนรอ ขาแข็งที่ชานชลาได้ไงคะ อินเตอร์เน็ทมีไว้ทำไม ใช้ hi5 หรือ facebook ดู profile หนุ่มๆเพื่อนของเพื่อน กันดีกว่า เผื่อมีคนไหนน่าสนใจจะได้ขอ add มาเป็นเพื่อน แถมสมัยนี้ เราสามารถเช็คประวัติคนที่เราสนใจได้โดยการ google ชื่อเขาเสียเลย ตอนแรกๆก็ไม่ชอบนะ เพราะมีแฟนเก่าคนนึงสมัยเด็กคนหนึ่งอีเมล์มาหาทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันมากว่าสิบปี พอถามว่าเอาอีเมล์เรามาจากไหน พวกบอก google มา นี่ขนาดเดี๊ยน เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามมาด้วย ยังสามารถ… ตอนนี้ใครอยากรู้อะไรก็ search สะดวกเกินไปแบบนี้ ไม่รู้จะทำให้พวกเราหาแฟนได้เร็วขึ้นหรือช้าลงหว่า แต่ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะ

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ผัดไท หรือ ผัดไทย

บ้างก็ว่าการสะกดที่ถูกต้องคือ ผัดไท แบบไม่มี ย แต่ในเมนูของบางร้านอาหารก็เป็น ผัดไทย ผู้เชียวชาญด้านภาษาไทยช่วยบอกด้วยค่ะ เข้าเรื่องเลยนะ หลายร้านอาหารพยายามประยุกต์เมนูผัดไท (หรือผัดไทย) ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น ผัดไทมะละกอของร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง ของคุณมัลลิการ์ หรือ เกี๊ยวกรอบผัดไท ของร้าน Coffee Beans by Dao ส่วนร้านแถวบ้านเราก็มีเมนู ผัดไทไร้เส้น นัยว่ามีแต่เครื่องเครามาผัดๆๆๆ

เราเคยปลื้มผัดไทท่ายาง จ. เพชรบุรี ร้านห้องแถวธรรมดาเปิดโล่งอยู่ในตลาดท่ายางในละแวกที่ขายทองม้วน ถ้าคุณวิ่งเส้นเพชรบุรี พอถึงอ.ท่ายาง ก็เลี้ยวขวาเข้าไปเลย ถ้าจำไม่ผิดต้องไปวนรถที่ศาลเจ้ากลางตลาดก่อนค่ะ ถามใครๆก็รู้ค่ะ ผัดไทที่ร้านมีทั้งผัดไทวุ้นเส้น ผัดไททะเลที่รวมมาทั้งกุ้ง ปลาหมึก และปูค่ะ อาหารตามสั่งรายการอื่นๆก็อร่อยนะคะ

อีกร้านคือ ผัดไทป้าหวานที่ชลบุรีค่ะ รสชาติจัดจ้านเพราะซอสผัดไทสูตรพิเศษของทางร้าน ทางร้านยังมีอาหารอื่นๆขายด้วยค่ะ ที่พลาดไม่ได้คือ ปูจ๋า ค่ะ

พูดถึงผัดไท ถ้าไม่กล่าวถึงร้านดัง ผัดไทประตูผีก็คงไม่ได้นะคะ เราไม่เคยไปทานหรอกนะ อยากมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาส หาที่จอดรถยากค่ะ แต่ต้องไปลองแน่ๆสักวัน

สุดท้ายที่จะกล่าวถึง คือ ผัดไทรถเข็นที่ถนนข้าวสาร เอ้อ ไม่ได้มีรสชาติผัดไทอย่างที่เราเคยทานเลย จืดๆชืดๆ มีหลายเส้นด้วยนะคะ ที่แปลกคือ ผัดไทเส้นหมี่ เส้นมาม่า กะเส้นฮกเกี้ยนสีเหลืองอ้วนกลม เราว่ารสชาติเหมือนเอาเส้นมาผัดกะน้ำมันตีกระเทียม แต่ฝรั่งก็นิยมกันมากนะคะ ถึงแม้จะไม่ค่อยถูกปาก แต่พอเดินผ่านทีไร เราก็อยากจะสอยมาคีบมาเคี้ยวให้เหมาะสมกะบรรยากาศอยู่เรื่อยสิน่า แสดงว่าของเค้าต้องมีดี อิอิ

เมื่อรักเป็นพิษ

หายไปนานหลังจากเขียนหกบทแรกเสร็จสรรพ เดี๊ยนเฝ้ารอเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์รักรูปแบบใหม่มาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกันไงคะ คราวนี้จะเขียนเรื่องพิษรัก เอ้ย รักเป็นพิษ มันต่างกันอย่างไร ระหว่างพิษรัก กับอาการรักเป็นพิษเนี่ย มันก็คล้ายๆกันล่ะคะ ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ พิษรักอาจเป็นไปในทางดีก็ได้ เช่น นาย ก โดนพิษรักเล่นงานเข้าให้ นั่งเหม่อตาลอยคิดถึงสาว จ ทุกวัน แต่อาการรักเป็นพิษเนี่ย ส่วนใหญ่มันจะไม่ค่อยดีนะคะ ลองเทียบกับอาการอาหารเป็นพิษ หรือ ลมพิษ ดูสิคะ มันออกแนวเน่า เฉา คัน แสบ ไข้ขึ้น หรือ อาจงอาเจียนกันไปตามๆกัน และจบลงที่การนอนซมซึมกระทือ
เมื่อไหร่เราถึงจะรู้ว่ารักของเราเป็นพิษ โดยมากเจ้าของไข้ไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอกค่ะ เรียกว่า บ่อยครั้งเลยที่เข้าลักษณะกว่าจะรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว เช่น หมดเนื้อหมดตัว การงานตกต่ำ เพื่อนฝูงตีตัวออกห่าง หรือพ่อแม่ช้ำใจ และอาจเสียคนดีๆข้างกายไปโดยเรียกกลับคืนไม่ได้ เพื่อนสาวเก่าแก่คนหนึ่งของเดี๊ยนกำลังเจอะเจอกับอาการรักเป็นพิษอยู่ค่ะ เจ้าตัวมีอาการเหมือนผีเข้า คือ เดี๋ยวรู้เดี๋ยวไม่รู้ว่ารักเป็นพิษ จะว่าโดนผู้ชายหลอกเหรอ ก็ไม่เชิงนะ เพราะคนพวกนี้เขาไม่มานั่งปั้นเรื่องโกหกหลอกคุณให้เสียสมองหรอก เขาแค่เอาความจริงมาเล่า ตีหน้าเศร้าให้คุณสงสารและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขาอย่างไม่มีวันจบสื้น เท่านี้เขาก็สบายไปแปดอย่างแล้วล่ะคะ เพื่อนเดี๊ยนคนนี้หน้าตาน่าเอ็นดู การศึกษาสูง มาจากตระกูลดี พ่อแม่ก็มีการศึกษาและเลี้ยงดูหล่อนมาอย่างกับไข่ในหิน แต่อย่างว่าละค่ะ You want what you can’t have. คนเรามักไขว่ขว้าหาสิ่งที่ตัวเองไม่มี ในกรณีเช่นนี้ ผู้หญิงดีๆมักหลงใหลใฝ่ฝันถึงผู้ชายเลวๆ ผู้ชายที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองทุกประการ เช่น ผู้หยิงแนวไข่ในหิน มักหลงใหลได้ปลื้มกับผู้ชายที่ใช้ชีวิตอิสระ เสเพลบ้าง เที่ยวกลางคืนบ้าง มีชีวิตแบบพึ่งลำแข้งตัวเองมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เช่าบ้านอยู่เอง คนอะไรก้ไม่รู้ แมนมากๆ โดยหารู้ไม่ว่าผู้ชายเทือกนี้ เขาเจนจัดด้านการใช้ชีวิตและการใช้อิสตรีเป็นสะพานข้ามชนชั้นวรรณะมานักต่อนักแล้ว จะพูดให้ไพเราะก็คือ เป็นพวกดวงนารีอุปถัมภ์ หรือจะให้พูดหยาบๆก็คือ เกาะผู้หญิงกิน เกาะผู้หญิงดังมาทั้งชีวิต เดี๊ยนไม่ได้เหมารวมว่าผู้ชายที่หาเลี้ยงตนเองจะเป็นเช่นนี้ทุกคนหรอกนะคะ แต่ถ้าคุณได้เจอชายสู้ชีวิตที่ยืมเงินคุณตลอดเวลา บ่นแต่เรื่องเงินทอง ชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือชักชวนให้คุณเอาเงินมาลงทุนกับเขา โดยที่เมื่อคุณใช้สติตรองดูแล้ว ตั้งแต่คบกับเขามาคุณมีแต่จ่าย มากกว่าที่จะได้รับจากเขา นั่นแหละค่ะ คือ อาการขั้นเริ่มต้นของรักเป็นพิษ โดยผู้ชายกลุ่มนี้จะหน้าตา รูปร่างดีเป็นทุนเดิม เรียกว่า เป็นบุรุษที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์ก็ว่าได้ แต่ดันต้องทำงานกะลั่วๆ ไม่เหมาะสมกับหน้าตาและผิวพรรณยิ่งนัก คุณอาจจะได้พบเจอเขาในวาระต่างๆกันไป เช่น ในที่ทำงาน โดยเขาอาจมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต่ำกว่าคุณสักหน่อย คุณอาจมีรถขับ แต่เขาอาจต้องขึ้นรถเมล์หรือซิ่งมอเตอร์ไซค์ คนเหล่านี้มักจะคารมดี พูดจาไพเราะ และดูเป็นคนมีความคิด จนคุณสงสัยว่าทำไม้ทำไมถึงไปไม่ได้ดี บางทีคุณก็อยากจะแค่สนับสนุนให้เขาได้ดี ด้วยความคิดอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์(เพศตรงข้าม)ให้ก้าวไกล และมีชีวิตที่ดีขึ้น สังเกตว่าคนเหล่านี้จะ treat คุณดีมาก บางคนมักจะตำหนิติเตียนคุณเรื่องการใช้เงิน ทำให้คุณหลงเชื่อไปว่า เขาคบคุณไม่ได้หวังเงินทอง บางคนอาจก้มหน้าก้มตาควักเงินจ่ายค่าอาหารราคาแพงที่คนนิยมไปนั่งละเลียด จนคุณอดสงสารไม่ได้ และตอบแทนเขาด้วยวิธีต่างๆกันไป เพราะคุณคิดว่าปกติเขาสมถะจะตาย พอมาคบเราเขาต้องจ่ายมากขึ้น เราก็น่าจะชดเชยให้เขาได้ ถ้าเขาไม่รับเงินค่าอาหารที่คุณช่วยจ่าย คุณก็อาจจะพาเขาไปซื้อเสื้อผ้าดีๆแพงๆใส่ เผื่อที่เวลาไปไหนมาไหนกับคุณจะได้ดูเหมาะสมยิ่งขึ้น ด้วยความที่คนพวกนี้หน้าตาดีเป็นทุนเดิม ใส่เสื้อผ้าดีเข้าหน่อย แหม ดูโก้ขึ้นยังกะเป็นลูกคนรวยแหนะค่ะ คุณก็ปลื้ม ถาโถมซื้อให้เขาอีก ต่อมาเมื่อเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ผู้ชายกลุ่มนี้ก็อาจจะเล่าเรื่องชีวิตจริงที่เคยลำบากให้คุณฟังเรียกคะแนนความสงสารเข้าไปอีก พร้อมทั้งโครงการอนาคตที่สุดแสนจะสวยหรู “ผมเคยจนมาก่อน เพราฉะนั้นชีวิตนี้ผมจะไม่ยอมกลับไปจนอีก ลูกเมียผมต้องสบาย ” หรือไม่ก็แนว “ผมอยากมีชีวิตสมถะ มีบ้านหลังเล็กๆ มีสวน มีรถหนึ่งคัน อ้อ ไม่สิ ของผมคันนึง ของภรรยาในอนาคตของผมอีกคัน มีลูกสักสองคน วันเสาร์อาทิตย์ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดให้ลูกๆได้ใกล้ชิดธรรมชาติ” เป็นไงคะ เคลิบเคลิ้มไหม แต่ความเป็นจริงคือ ผู้ชายกลุ่มนี้เลือกคบเฉพาะผู้หญิงที่มีฐานะ และการศึกษาสูงกว่าตนทั้งสิ้น เพื่ออะไรล่ะคะ คุณลองคิดดูกันเอาเองก็แล้วกัน ถ้าเขาอยากที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง ทำไมจึงเลือกคบเฉพาะผู้หญิงที่เหนือกว่าตัวเขา คุณอาจแก้ตัวแทนพวกเขาว่า มันช่วยไม่ได้ มันอาจเป็นพรหมลิขิต แต่ถ้าเดี๊ยนถียงว่า เป็นเพราะผู้ชายพวกนี้ไม่เคยชายตาไปแลคนที่เท่าเทียมกะเขาหรือต่ำกว่าเขาเลยไงคะ เพราอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะไอ้ concept ชีวิตที่เขาสร้างไว้ไง ที่ว่าจะไม่ยอมกลับไปจนอีก ถ้ามีเมียจน แล้วเมื่อไหร่จะรวยเล่า และถ้าคุณจะเถียงว่า “แม้ชั้นจะไม่จน แต่ชั้นก็ไม่ได้มีสมบัติมากมายไปต่อยอดให้เขานะ และเขาก็รู้ดีด้วย” นั่นแหละค่ะ คุณอาจไม่รวย แต่คุณมีคุณสมบัติอื่น เช่นคุณอาจจะทำงานเก่ง หาเงินเก่ง หรือมีพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นไฮโซที่ช่วยให้เขาไต่บันไดสังคมได้ไปกระทบไหล่คนรวยๆได้มากขึ้น และที่สำคัญเขาพิจารณาแล้วว่า คบกะคุณ เขาไม่ต้องเลี้ยงคุณแน่ๆ สบายจะตาย ได้เมียแถมไม่ต้องเลี้ยงดูอีก ก็คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาด้อยกว่า ถึงเวลาคุณจะแบมือขอเงินจากเขาเหรอ ไม่มีทาง เดี๊ยนฟันธง
ที่เดี๊ยนพูดได้เป็นฉากๆ เพราะเคยเจอมากับตัว แต่โชคดีที่เป็นสมัยยังเอ๊าะเลยกลับตัวได้ทัน ไม่งั้นหมดตัวแน่ๆ ทั้งเสียเงิน ทั้งเสียใจ และทั้งเสียสมอง และเมือ่เร็วๆนี้ก้ได้คุยกับเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน ตอนนี้เพื่อนคนนี้ต้องทนทุกข์ใช้หนี้สินที่ผู้ชายก่อไว้ให้ร่วมแปดแสนบาท ตัวคุณเธอมีเงินเดือนสองหมื่นกว่า แต่เหลือเงินสดไว้ใช้จริงๆแค่พันกว่าบาท เพราะส่วนที่เหลือต้องเอาไปผ่อนนั่นผ่อนนี้แทนคุณผู้ชายตัวดี ก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ให้เขา โดยไม่มีทีท่าว่าเขาจะมาช่วยเธอผ่อนบ้าง ตัวผู้ชายก็มีเงินเดือนพอๆกัน แต่ไม่รู้เอาไปใช้ที่ไหนหมด เดือนๆไม่เคยช่วยเพื่อนเดี๊ยนจ่ายหนี้สิน แต่ปากดีค่ะ พูดแต่ว่า “วันไหนผมมี ผมคืนให้คุณแน่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มี” แล้วเมื่อไหร่ล่ะวะ เงินเดือนร่วมสองหมื่นแกเอาไปใช้ทำอะไรหมด เพื่อนเดี๊ยนเปิดบัตรเครดิตใหม่ กี่ใบๆ มันก็เอาไปรูดปื้ดๆ จนเต็มวงเงิน ไม่ยอมใช้สักแดง ตอนนี้เต็มไปสองใบ วงเงินใบละแสนกว่าบาท พอธนาคารโทรมาทวงถาม เพื่อนเดี๊ยนถึงกับลมจับ แต่พอไปบอกให้จ่าย มันกลับตีหน้าเศร้า แถมพูดจาประชดประชัน จนฝ่ายหญิงผู้มีจิตอ่อน รู้สึกผิดที่ไม่เห็นใจเขา พอบอกว่าจะปิดบัตรและผ่อนใช้กับธนาคาร หนี้จะได้ไม่เพิ่ม มันยังมีหน้ามาขอร้องให้เปิดบัตรไว้ก่อนเพื่อมันจะได้ไว้ต่อยอด ต่อยอดบ้าอะไร ต่อยอดหนี้ให้เพื่อนเดี๊ยนสิไม่ว่า แต่อาการแบบนี้ คนนอกอย่างเราๆจะไปเตือนก้ไม่ได้นะคะ เรื่องภายในครัวเรือน เอามือไปสอดจะววยเสียเปล่าๆ บางทีอาจต้องกินใจกับเพื่อนไปก็ได้ ไม่ค้วร ไม่ควรเลยค่ะ เดี๊ยนไม่แนะนำ ถ้าอยากจะพูด เพราะคันปากจริงๆก็ต้องเป็นไปในแนวทางช่วยหาวิธีแก้ไขสถานการณ์หนี้สินท่วมหัวของเพื่อน อย่าไปยืนด่าแฟนเขาปาวๆๆเชียว แฟนใคร ใครก็รักค่ะ
ยังไม่หมดที่หนี้บัตรเครดิตสองใบ ยังมีรถอีกค่ะ พอคบผู้หญิงที่มีรถขับได้สักพัก ผู้ชายพวกนี้จะเริ่มสำแดงอาการอยากมีรถบ้างเพื่อเอาไว้ขับรับคุณ ใครๆจะได้ไม่ดูถูกผมว่าเกาะชายกระโปรงคุณไปไหนมาไหน บางรายก็กู้ซื้อรถเองแล้วให้ผู้หญิงค้ำประกัน บางรายก็ขอให้ผู้หญิงกู้ให้ เราตนจะผ่อนให้ทุกเดือนๆ ด้วยเหตุผลสารพัดที่หยิบยกมาบอกว่าเขากู้ไม่ได้เพราะมีญาติเคยทำเครดิตเสียหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณก็ไว้ใจเขายอมทำตามดั่งโดนของ สรุปคือ เมื่อไรที่คุณเซ็นชื่อยอมกู้ให้ กู้ร่วม หรือว่าค้ำประกันการกู้ คุณเป็นหนี้แล้วอีกเจ็ดแปดแสน ใช่หรือไม่ใช่คะ เพื่อนเดี๊ยนคนนี้เจอกรณีแบบที่หนึ่งค่ะ คือเซ็นค้ำประกันไปให้ วันดีคืนดี ไฟแนนซ์ตามมาถึงบ้าน มาทวงหนี้ มาทวงรถ เพื่อนเดี๊ยนก็จิตอ่อน ด้วยความรักความหลงที่มีต่อผู้ชาย ยอมรับใช้หนี้ให้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนพ่อแม่ของหล่อนกลัดกลุ้มใจ เพื่อแก้ปัญหาพ่อแม่ไม่สบายใจ เพื่อนเดี๊ยนเลยรับซื้อรถคันนั้นต่อจากพ่อแฟนตัวดี เพื่อให้พ่อแม่ตัวเองรู้สึกว่าเสียเงินไป แต่ได้ของกลับมา แล้วเพื่อนเลยต้องขายรถของตัวเองที่พ่อแม่ดาวน์ให้ เพราะผ่อนพร้อมกันสองคันไม่ไหว ความรักเป็นพิษจริงๆนะคะงานนี้ ยังไม่หนำใจใช่ไหมคะ เจ้าผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ไปใช้วิธีอะไร ซื้อรถใหม่ป้ายแดงอีกคันมาขับค่ะ โดยให้เหตุผลกับผู้หญิงอย่างหน้าด้านๆว่า “ก็คุณเอารถของผมไปแล้ว ผมจะใช้อะไรหล่ะ ผมเป็นเซลล์ ผมก็ต้องใช้รถสิ” คำถามเกิดขึ้นในหัวเดี๊ยนทันทีเลยค่ะว่า คราวนี้ทำไมมันกู้เองได้ หรือว่ามีเจ๊คนไหนช่วยกู้ช่วยค้ำให้มันอีก เฮ้อ สงสารเพื่อนค่ะ
ความรักเป็นพิษไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆอย่างเดียวนะคะ บางทีก็เป็นพิษที่ความรู้สึก เจ็บช้ำน้ำใจไม่เว้นแต่ละวัน รักเป็นพิษเพราะไปคบคนเจ้าชู้ยักษ์ค่ะ ประเภทเจ้าชู้เรี่ยราด แต่ปากดีบอกว่า “จริงๆผมก็มีคุณคนเดียวนั่นแหละ” หรือ “ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้หึงไร้เหตุผล ที่ผมเลือกคุณเพราะดูแล้วคุณเป็นคนมีเหตุผล เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ผมผิดหวัง” เจอคำพูดฉลาดๆแบบนี้ผู้หญิงอย่างเราก็ไม่กล้าแสดงอาการหึงแล้วค่ะ ได้แต่เก็บความเจ็บช้ำน้ำใจไว้จนหัวอกแทบระเบิดทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวกลางคืน ทุกครั้งที่โทรไปแล้วเขาปิดโทรศัพท์ หรือทุกครั้งที่เขาไม่รับสาย เรื่องแบบนี้บางคนอาจว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของแทบทุกครอบครัว แต่ถามหน่อยว่า การที่เราต้องฝืนใจตัวเองทุกครั้ง ต้องก้มหน้ายอมรับกฎเกณฑ์งี่เง่าๆที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นทั้งที่มันขัดกับความรู้สึกของคุณ เพียงเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจคุณ และจะเห็นว่าคนอื่นดีกว่าคุณ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะไม่ขาดการเคารพตนเองไปหน่อยหรือคะ ถ้าทำอะไรที่ขัดใจเราแล้วเกิดทุกข์ เดี๊ยนถือว่า คุณรักตัวเองน้อยกว่าที่รักคนอื่น มันไม่ดีอย่างไร บางคนถูกสอนมาว่าให้นึกถึงคนอื่นก่อนตนเอง แต่นั่นมันคนละเรื่องกับความรักค่ะ เมื่อคุณต้องฝืนใจทำสิ่งที่ไม่ชอบ หรือทำไปช้ำไป เดี๊ยนถือว่ารักครั้งนี้เป็นพิษแล้วค่ะ จริงอยู่ที่คนเราคบกันต้องมีการปรับตัวเข้าหา ต้องมีการฝืนใจกันบ้าง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตพอเหมาะ อยู่ในเกณฑ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องเจ็บ ไม่เสียใจ ไม่เสียน้ำตา ถ้ามีน้ำตาเกิดขึ้น แสดงว่า ในหัวอกลูกผู้หญิงอย่างเรามันช้ำแล้วล่ะค่ะ อยากจะยกตัวอย่าง สาวน้อยคนนึงที่ได้แสดงความฉลาดรักให้เห็นเดี๊ยนตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ น้องบิ๋งเป็นเด็กเรียนไม่เคยมีแฟน จนวันหนึ่งเกิดมีแฟนที่แตกต่างจากตัวเองลิบลับ คือเป็นเด็กแนว หน้าตาทันสมัย ใส่ขาเดป ไม่ใส่ใจการเรียน และชอบโดดเรียนเป็นประจำ แต่เด็กผู้ชายคนนี้เรียนดีนะคะ อยู่คณะวิศวะ ส่วนน้องบิ๋งอยู่มนุษยศาสตร์ บ่อยครั้งๆมากที่เขามาชวนให้น้องบิ๋งโดดเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่บิ๋งไม่ชอบเลย แต่บิ๋งก็ยอมทำค่ะ ด้วยเหตุเพราะ “กลัวว่าถ้าเราไม่ไปแล้วเขาจะชวนคนอื่นไปแทน” น้องบิ๋งกลัวเขาจะคบคนอื่นที่มีเวลาว่างไปเที่ยวกะเขาแทนตนเองค่ะ เลยฝืนใจตัวเองโดดเรียนไปโน่นมานี่กะเขาจนการเรียนตกต่ำ ฝ่ายผู้ชายการเรียนอยู่ตัวค่ะ เพราะอะไรเหรอคะ ก็ตารางเรียนของสองคนไม่ตรงกันนี่คะ เวลาเรียนของเขา เขาก็เข้าเรียน แต่พอตัวเองว่างแล้วบิ๋งมีเรียน เขาก็มาแง้วๆชวนบิ๋งไปเที่ยวค่ะ งานนี้ใครโง่ ใครฉลาดคะ แต่โชคดีที่น้องบิ๋งรู้จักคิดและมีความรักตัวเองสูง พอเกรดเฉลี่ยนตกรูดลงมาต่ำกว่า 3.00 น้องบิ๋งคิดได้ทันทีเลยค่ะว่า ความรักเป็นพิษครั้งนี้เป็นสาเหตุให้ชีวิตย่ำแย่ นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้งค่ะ และอาจจะเป็นด้วยความที่ยังเด็ก ยังเชื่อว่าตัวเองมีโอกาสได้เจอคนดีดีอีกมาก บิ๋งเลยตัดใจได้ง่ายค่ะ แล้วการเรียนก็กลับสู่สภาวะปกติ พ่อแม่ก็ชื่นมื่นค่ะ

รักเป็นพิษบางทีอาจเกิดจากพิษสุราก็ได้นะคะ แฟนใครที่ติดเหล้า และพอเหล้าเข้าปากจะอาละวาดทำร้ายร่างกาย หรือ พูดจาหยาบคายส่อเสียด ทำให้ผู้หญิงอย่างเราต้องเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ เดี๊ยนขอแนะนำให้ออกห่างค่ะ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นเวลาปกติจะแสนดีดั่งเทพบุตร แต่ถ้าเมาเหล้าแล้วจะกลายเป็นซาตาน คุณจะทนเป็นขี้มือ ขี้ปากเขาไปนานแค่ไหนคะ แต่ถ้ารักกันมาก และเขาก็นานๆดื่มที คุณก็ต้องหาทางแก้ไขเองนะคะ

สุดท้ายก็ขอวนมาเรื่องการเคารพตนเองของผู้หญิงค่ะ เดี๊ยนไม่ใช่พวกสิทธิสตรี หรือ กลุ่ม Feminist หรอกค่ะ แต่ยอมรับตอนนี้ว่ารักตัวเองมากกว่าผู้ชาย เมื่อก่อนเดี๊ยนอาจเคยโง่มาก่อน เคยทุ่มเททำอะไรผิดๆให้กับผู้ชายชั่วๆบางคน แต่ตอนนี้เดี๊ยนให้นิยามความรักว่า รักคือ การให้ แต่ให้คนที่เหมาะสมนะคะ คนที่เขาก็รักและจริงใจกับเรา เดี๊ยนจะรักและให้เกียรติคนที่ให้เกียรติเดี๊ยนก่อนค่ะ สุดท้ายนะคะ ความรักก็เหมือนการลงทุน ถ้าคุณได้หุ้นส่วนที่คิดแต่จะเอาเปรียบคุณตลอดเวลา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ธุรกิจของคุณก็เจ๊งค่ะ แต่ถ้าคุณได้หุ้นส่วนชีวิตที่คิดแต่จะให้ คุณก็จะได้ให้เขากลับอย่างเหมาะสม รักของคุณก็จะเป็นรักที่มีคุณค่าและปราศจากพิษค่ะ

ขนมหวานไทยๆ แม่เอ้ย...


ตอนเด็กๆแม่มักซื้อขนมหวานแบบไทยไทยมาให้ทาน เราก็ชื่นชอบนะ อะไรที่เป็นกะทิ อะไรที่หวานๆ หอมๆ แต่เดี๋ยวนี้พอนึกถึงขนม กลับกลายเป็นพวกขนมของฝรั่ง เบเกอรี่ ทั้งแบบฝรั่ง แบบญี่ปุ่น พอไปนอกบ้านที ก็ไปหาเค้ก หาไอติมอร่อยๆทาน ละเลยขนมไทยไปเฉยเลย ทั้งๆที่สนนราคาก็ถูกกว่ามาก บางคนบอกว่าขนมไทย หวานมากกกกกกกก และเป็นกะทิ หรือทำจากไข่แดงไม่ดีต่อสุขภาพ คุณเอ้ยแล้วพวกขนมฝรั่งเล่า ไม่ได้ใช้น้ำตาล ใช้แป้ง ใช้ไข่แดงเหรอ จะดีกว่าก็เพียงแต่ว่า คนซื้อมองไม่เห็นไข่ ไม่เห็นคลอเรสเตอรอลที่แอบแฝงอยู่ภายใต้รูปร่างหน้าตากิ๊บเก๋เท่านั้นเอง แต่ขนมไทยนี่สิ ดูปุ๊บก็เห็นกะทิปั๊บ เห็นไข่แดงทันทีทันใด มันเลยดูน่ากลัวที่จะเอาใส่ปาก หรือบางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศด้วยก็ได้ ร้านขนมแบบฝรั่งจะจัดร้านสวยสด ดูมีกลิ่นอายเมืองนอก น่านั่ง น่ากิน แต่ขนมไทยสิคะ ส่วนใหญ่เปิดร้านขายกันข้างทาง จะนั่งก็ไม่ได้ ไม่สะดวก อากาศก็ร้อน นี่ถ้ามีคนลุกขึ้นมาเปิดร้านขนมไทยสวยๆติดแอร์แบบในเรื่องแม่ค้าขนมหวานบ้าง จะขายดิบขายดีไหมนะ ใครที่มีฝีมือด้านการทำขนมไทย ลองดูนะคะ แล้วเราจะไปอุดหนุน ภาพนี้ได้มาจากเพื่อนสนิทที่ลุกขึ้นมาทำขนมไทยให้สามีฝรั่งทาน นี่ขนาดเขาพำนักกันอยู่นิวยอร์กนะ ยังมีกะใจทำขนมไทยทานเล่นในวันว่าง เฮ้อ เราต้องฝึกทำบ้างแล้ว รัฐบาลก็น่าจะหันมาสนับสนุนการทานขนมไทยอย่างจริงๆจังๆ โดยเน้นที่วัตถุดิบธรรมชาติ และขั้นตอนการปรุงที่สามารถคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากมายเหลือเกิน อาจจะเป็นโครงการ ทานขนมไทยเพื่อสุขภาพ หรืออะไรก็ได้ค่ะ เพราะใครๆก็รู้ว่าขนมไทยไทยส่วนใหญ่ทำมาจากส่วนประกอบจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง มะพร้าว เผือก มัน ใบเตย ข้าวโพด ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ เจ้าค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ร้านกาแฟเก๋ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา


ร้าน Vivi อยู่ท่าเตียนค่ะ ครั้งแรกที่ไปคือเพื่อนที่บ้านอยู่ท่าเตียนแนะนำไปค่ะ ปิ๊งเลยทันที ร้านน่านั่งมากๆ ตกแต่งน่ารัก ของกระจุ๊กกระจิ๊กเป็นแนว vintage กลิ่นอายยุโรป เราชอบเหล็กดัดลวดลายยุโรปที่กั้นร้านกับตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ ร้านขายกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆด้วย มีไอศกรีมและเค้กโฮมเมดให้เลือกทานร่วมค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศตอนบ่ายไม่ต้องให้บรรยายหรอกค่ะ คุณไปลองเองดีกว่า บอกได้แค่ว่า ชิลมากๆ ร้านหาไม่ยาก อยู่ด้านหลังโรงเรียนตั้งตรงจิตร ปากซอยมีธนาคาร CIMB ป้ายแดงๆ และมีป้ายบูติคโฮเต็ล Arum the River Place ด้วยค่ะ แต่ที่จอดรถหายากมากกกกกก อย่าคิดหักรถเข้ามาในซอยเลย เพราะตันค่ะ ทางร้านบอกให้จอดซอยข้างตั้งตรงจิตร หรือเลยไปซอยข้างวัดโพธิ์ได้ค่ะ วันธรรมดาได้ถึง 4 โมงเย็น วันเสาร์ไม่แน่ใจแต่วันอาทิตย์รู้สึกจะได้ทั้งวัน ประมาณนี้นะ


ซอยใกล้ๆกันมีอีกบูติคโฮเต็ลนึง จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว แต่อยู่ในซอยที่สังเกตง่ายมาก เพราะทางเข้าปูด้วยกระเบื้องยาง ดูสวยหรูกว่าซอยอื่นๆบริเวณนั้น โรงแรมนี้มี coffee shop อยู่ชั้นดาดฟ้า และมีร้านอาหารอยู่ชั้นล่าง วิวสุดยอดมองไปเห็นพระปรางค์วัดอรุณตรงเด๊ะ ได้ยินว่าราคาค่อนข้างแพงเลยล่ะ เราไม่เคยนั่งทาน ได้แต่ไปขอดูสถานที่ ทางร้านใจดีให้บุกถึงชั้นบนสุด


แต่ Vivi นี่ราคาธรรมดาๆค่ะ แบบไม่ต้องไฮโซก็ทานได้ นั่งได้นาน กระเป๋าไม่ฉีก


สี่สิบห้าหมอดูฟันธง...ได้แต่งแน่ (มาตั้งแต่ยี่สิบห้า)

เป็นเรื่องที่แยกออกจากกันไม่ได้ง่ายๆระหว่างสาวโสดกับหมอดู สองปีก่อนดิฉันจำได้ว่าตัวเองไปดูดวงมาถึงสิบเอ็ดเจ้า นี่นับเอาเฉพาะพวกที่ดูวันเดือนปีเกิดนะคะ ประเภทยิปซี ลายมือ กราฟชีวิตไม่ได้นับรวมเข้ามา เป็นไงละ บ้าไหม พอเวลาผ่านมา ยังนึกด่าตัวเองว่าอะไรจะทำได้ปานนั้น แต่ที่ว่าดูมาสิบเอ็ดเจ้าก็ไม่ใช่สถิติที่สูงสุดอะไร และที่ดูก็ไม่ได้ว่าด้วยเรื่องเนื้อคู่ล้วนๆนะคะ จริงๆเรื่องคู่ตอนนั้นเป็นคำถามสุดท้ายด้วยซ้ำไป แหะๆ ไม่ได้ไม่สนใจอะไรหรอก แต่เหมือนเวลาทานก๋วยเตี๋ยวอ่ะของชอบต้องเก็บไว้ทานทีหลัง เช่นต้องทานเส้นทานผักก่อนลูกชิ้นเก็บไว้ทานตอนสุดท้าย ขอสารภาพว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบเจ็ดไม่เคยดูดวงมาก่อนเลย จะมีก็ประเภทคนมีความรู้เค้าทักนิดๆหน่อยๆ เพราะความที่เป็นเด็กชีวิตก็เรื่อยๆไม่เชื่อว่าการได้รู้อะไรก่อนล่วงหน้ามันจะช่วยอะไรได้ เพราะท้าฟ้าลิขิตมาแล้วซะอย่าง สี่สิบห้าหมอดูก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ แต่จุดเริ่มต้นของการดูหมอของดิฉันอยู่ที่วันหนึ่งมีพี่ที่ทำงานมาทักว่า เราเกิดวันเดียวกันทำไมชื่อน้องใช้ตัวอักษรที่มีแต่กาลกิณีทั้งนั้น อารามคุณยายตั้งชื่อนี้ให้เพื่อให้พ้องกับชื่อพ่อและชื่อแม่ และที่ผ่านมาชีวิตก็ดีมาตลอด ดิฉันจึงยังไม่เชื่ออะไรมาก แต่หลังจากนั้นสิ เกิดเหตุการณ์แปลกๆสิบห้าล้านอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น เช่น อยู่ดีเงินหาย โดนนายเรียกไปด่า เจรจาความไม่สำเร็จ แฟนก็หมกเม็ดเรื่องแฟนเก่า ช่วงนั้นจิตตกไม่เลยค่าคุณ แต่ก็ยังไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร และแล้ววันหนึ่งที่ลูกพี่ลูกน้องสาวสวยเกิดช้ำรัก โทรมาปรึกษาและขอให้เราเป็นที่พักใจ ด้วยความรักพี่รักน้อง เวลาว่างทั้งหมดจึงขอมอบให้หล่อน และเธอผู้นี้นี่เองที่เป็นผู้ชักนำดิฉันเข้าสู่วงการดูหมอ ลั้นลา เมื่อจิตใจของคุณพี่บาดเจ็บเพื่อนๆของหล่อนก็แนะนำ ให้ไปดูดวงสิเธอ เดี๊ยนเองไม่ได้สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม เพราะคิดว่าอะไรที่พี่เค้าทำแล้วสบายใจก็ทำไป สุดท้ายคุณเธอก็ลากเดี๊ยนไปนั่งดูไพ่ยิปซีด้วยจนได้ ด้วยใจไม่เคยคิดอยากจะดู แต่ทนแรงยั่วยุจากรอบข้างและความอยากรู้ของตัวเองไม่ไหว พอพี่ดูเสร็จ ดิฉันจึงเข้าคิวดูต่อ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คำพูดแรกที่หมอดูทัก คือ ชื่อของน้องเป็นกาลกิณี เอาอีกแล้ว เป็นกาลกิณีแล้วจะเป็นอย่างไร พี่หมอดูก็บรรยายมาซะน่ากลัว ดังเช่น จะทำอะไรก็ยากลำบาก ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆเหมือนคนอื่น ชีวิตคู่ไม่ราบรื่น มีเรื่องชู้สาวคาวโลกีย์ ถ้าแต่งงานก็จะวินาศเพราะดาวมฤตยูเล็งที่การแต่งงาน แม่เจ้า ดิฉันเชื่อว่า ใครได้ฟังดังนี้ คงนั่งเฉยๆอยู่ไม่ได้ ไม่ได้จะให้ลุกขึ้นมาตบหมอดูนะคะ หมายถึง ทนอยู่นิ่งเฉยไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นไม่ได้

เหตุที่ตามมาก็คือ การเช็คดวงกับหมอดูท่านอื่นๆเพื่อความแน่ใจ อีกสี่หมอดูก็บอกตรงกัน ดิฉันไม่รอช้ารีบนำเรื่องเข้าปรึกษาคุณแม่ ฝ่ายมารดาดิฉันนี่ก็จิตอ่อน ใครว่ากระไร คุณเธอก็ว่าตามได้หมด แม่บอกว่า ‘เปลี่ยนสิลูก ถ้าเปลี่ยนแล้วสบายใจ แม่ไม่ว่าอะไร’ ส่วนแฟนหนุ่มที่คบกันอยู่ตอนนั้น ก็บอกว่า ‘ผมไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่ก็เข้าใจว่าถ้ามีคนมาทักแล้ว เราจะขาดความเชื่อมั่น และจากนี้ไปพอมีอะไรไม่ดี คุณก็จะโทษชื่อ โทษดวง เพราะฉะนั้นผมว่าเปลี่ยนก็ดี’ รายนี้สนับสนุนให้เปลี่ยนตามความเชื่อทางจิตวิทยา ผลสรุปคือ ดิฉันต้องดั้นด้นและเสียสตางค์ไปหาอาจารย์ที่สามารถตั้งชื่อได้เจ๋งๆอีกสามสี่ราย กว่าจะได้ชื่อปัจจุบันมา ซึ่งต้องบอกว่า ชอบมาก และชีวิตก็ดีขึ้นจริงๆ ไม่ทราบแน่ว่าเป็นเพราะดวง เพราะพลังดวงดาวจากชื่อใหม่ หรือเพราะจิตวิทยา

แน่นอนที่สุด การพบปะหมอดู หรือพระอาจารย์ทั้งหลายเพื่อตั้งชื่อใหม่นั้น ดิฉันก็ขอให้พวกท่านดู
ดวงร่วมไปด้วย ใครจะบ้าขอแต่ชื่ออย่างเดียวไม่ดูดวงกันเล่า หมอดูท่านที่สองหลังจากแม่ยิปซีคนนั้น บอกว่า ชีวิตคู่ของดิฉันไม่แจ่มนัก ดวงเป็นดวงประ เวลามีรักมักต้องประกับคนอื่น ประเภทดวงรักสามเส้า ให้เลือกเอาเองว่า จะเป็นเส้าเก่า หรือ เส้าใหม่ของเขา แต่ให้ทำใจไว้ซะว่า ถ้ามีคู่ แฟนเราต้องมีกิ๊ก ข้างแฟนหนุ่มของดิฉันพอได้ฟังก็บอกว่า เป็นการเดาเสียมากกว่า เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็มีกิ๊ก แล้วถ้าหมอดูบอกว่าแฟนคุณจะรักคุณจริงจัง รักเดียวใจเดียว เกณฑ์ถูกจะน้อยกว่าทายว่าแฟนจะมีกิ๊ก ซึ่งถ้าพลาดจะทำให้ความน่าเชื่อถือของหมอตกต่ำลงไป

หมอดูคนต่อๆมาก็ทายอะไรคล้ายๆกัน ดิฉันเคยเอาดวงแฟนไปให้เขาดู ปรากฏว่า ดวงของเราทั้งคู่ตกลงที่ช่องหัวใจ แปลว่า เรารักเค้า เค้ารักเรา แต่ดวงหัวใจของทั้งคู่อยู่ในนรกภูมิ ฟังแล้วร้อนรุ่ม กินไม่ได้ นอนไม่หลับไปหลายคืน ที่เด็ดที่สุด คือ หมอดูคนที่ทำนายแม่นยำเรื่องอุบัติเหตุได้บอกดิฉันว่า เนื้อคู่เป็นคนในเครื่องแบบ ไม่ว่าจะเป็น ทหาร ตำราจ หมอ วิศวกร ข้าราชการ หรือ คนที่มีอาชีพที่มีเกียรติ เฮ้ย หมอ แบบนี้มันก็ครอบคลุมเกินไปสิ กลุ่มเป้าหมายกว้างเหลือเกิน ไม่มีทางที่หมอจะผิดได้ บางหมอดูพูดเองมั่วเอง ไปดูสองครั้งเนื้อคู่เปลี่ยน ครั้งแรกบอกผิวคล้ำ ครั้งที่สองบอกผิวขาว เอ ตูจะเชื่อครั้งไหนดีเนี่ย บางท่านบอกเนื้อคู่จะต้องแก่กว่าคุณ บางหมอดูบอก คู่แท้ต้องด้อยกว่า เช่นอายุน้อยกว่า ฐานะด้อยกว่า หรือ การศึกษาต่ำกว่า บางหมอดูเข้าไปลึกซึ้งกว่านั้น บอกว่า เนื้อคู่ของคุณจะมาในรูปแบบให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามยาก ก็แหงแหละ ถ้าเค้าไม่ช่วยชั้น ไม่ดูแลชั้น แล้วชั้นจะรับรักเค้าไหม ถ้าหมอดูบอก เนื้อคู่คุณ คือคนที่จะทำชั่วกับคุณสุดๆแต่คุณก็จะรักเค้า อย่างนี้สิ ปัญหาเกิดแน่ๆ

แต่สรุปว่าทุกหมอดูฟันธงว่าดิฉันได้แต่งงานแน่ๆ ‘ลูกเอ๊ยไม่ต้องกลัว อย่างหนูน่ะ ไม่มีทางอยู่โสดคนเดียวหรอก ต้องมีคนมาชวนกินข้าวกินน้ำเรื่อยๆแหละ’ ก็จริงค่ะ มีแต่คนมาชวนกินข้าวกินน้ำ ไม่มีใครชวนร่วมจดทะเบียนสมรสด้วยเลย ชีช้ำพอสมควรเหมือนกันนะ บางหมอดูบอกเดี๊ยนมีดวงแต่งงานสองครั้ง ครั้งแรกตอนยี่สิบห้า อีกครั้งตอนสามสิบ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากมีสองผัว ครั้งแรกที่มีคนมาขอแต่งให้ประวิงเวลาไปก่อน ถ้าเขาเป็นคู่แท้เขาจะรอเราได้ คู่แล้วไม่แคล้วกัน แต่ถ้าเขารอไม่ได้แสดงว่าไม่ใช่คู่แท้ ก็ไม่ต้องไปเสียดายเขา คู่แท้ของเราจะตามมาเจอเราเองเมื่อถึงเวลา ฟังแล้วเหมือนใครบางคนจะมารอเราที่ทางช้างเผือกยังไงยังงั้น ถามว่าเชื่อไหม ก็ไม่รู้สิคะ พอนึกย้อนไปตอนย่างยี่สิบห้า เดี๊ยนคบหากับใครอยู่เอ่ย อ้อ จำได้แล้ว ไอ้ชั่วคนนั้นเอง ชายคนนั้นเป็นคนหน้าตาดี แต่ไม่มีฐานะ การศึกษาก็บ้านๆ เป็นช่วงชีวิตที่อยากลืมไปเสีย ไอ้หมอนั่นมันอยากไปหางานทำที่อเมริกา นัยว่าจะไปขุดทอง แต่ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้ชนิดเรียกหมาฝรั่งยังไม่หันอ่ะคุณ มันคบกับเดี๊ยนเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ จำได้ว่ามันวางแผนการแต่งงานไว้ด้วยกะว่าแต่งกันแล้วจะไปเมืองนอกด้วยกัน ไปสร้างเนื้อสร้างตัว แต่โชคดีที่พระเจ้าเข้าข้างเดี๊ยนคราวนี้ ได้เผยให้เห็นธาตุแท้อันดำมืดของมันก่อน จึงถอนตัวออกมาทันท่วงที แหมดีนะ ถ้าหลวมตัวแต่งงานไป คงชีช้ำกะหล่ำปลีและได้หย่ากันแทบไม่ทันก่อนสามสิบ ซึ่งก็อาจเป็นผลให้คำทำนายของหมอดูท่านก่อนเป็นความจริงได้ว่าจะต้องวิวาห์สองครั้ง ดีแล้วหล่ะที่ไม่ลงเอย ไม่งั้นเสียของแย่เลย

ข้างฝ่ายลูกพี่ลูกน้องคนที่เปิดโลกหมอดูให้กับเดี๊ยนนั้น หมอดูทุกท่านก็ลงความเห็นว่า ได้แต่งแน่ๆ และแฟนจะดีและรวย ปรากฏว่าตอนนี้เธอสามสิบเจ็ดแล้ว ไม่ว่าจะคนดีหรือคนรวย ยังไม่เคยเห็นเงาหัว ที่ย่างกรายเข้ามาก็มีแต่ชั่วๆ หมอดูท่านหนึ่งทานแม่นบอกพี่สาวดิฉันว่า คนที่คบอยู่นี่ไม่ดี แต่คุณมีกรรมกับเขาอยู่ห้าครั้ง ต้องใช้กรรมให้ครบก่อน จึงจะหลุดกันไปได้ ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่คุณพี่สาวดิฉันนี่ก็ต้องใช้เวลาร่วมห้าปีกว่าจะตัดใจจากมันไปได้สนิท ทั้งที่ก่อนหน้าถูกทารุณจิตใจมานับครั้งไม่ถ้วน หล่อนก็ยังดำรงตนเป็นโจโจ้ซัง ชาตินี้ขอมีรักเดียวอยู่นั่นแล

จะไม่เล่าเรื่องเพื่อนฝูงก็กระไรอยู่นะ เพราะแต่ละนางนั้นเชี่ยวชาญชำนาญยุทธด้านการดูหมอมากๆ ที่ไหนว่าดี ว่าแม่น คุณเธอต้องดั้นด้นไป เมื่อถึงเวลาสาวๆมารวมตัว ก็จะต้องมีเม้าส์เรื่องหมอดูกันบ้างไม่มากก็น้อย คุณเพื่อนๆทุกนางนี่ มีดวงได้แต่งงานแน่ทั้งนั้น ไม่มีใครมีดวงโสดเลย แต่ข้อเท็จจริงก็คือ แต่ละนางตอนนี้ โสดสนิทบ้าง ไม่สนิทบ้าง เป็นการรวมตัวกันของสาวงามที่ยังค้างสต็อกมาจาก warehouse ต่างๆ เป็นสินค้าคุณภาพดี ไม่มีตำหนิ แต่ยังไม่ยอมขายออกไป เราจะไม่ใช้คำว่า ขายไม่ออก เพราะหลายทีที่เราปฏิเสธโอกาสด้วยตนเองเพราเห็นว่าผู้ชายพวกนั้นไม่ดีพอ สวยเลือกได้ค่ะ แต่ที่แน่ๆคือ แต่ละองค์นั้นเป็นสาวโสดคนสุดท้ายของกลุ่มเพื่อนมหาลัย พอได้มารวมตัวกัน จึงเกิดความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด และเกาะกันไว้แน่น จึงอยากบอกย้ำอีกครั้งว่า แยกกลุ่มกันบ้างก็ได้เพื่อน เพื่ออนาคต เราจะไม่ริษยากันและกัน นี่คือ คำมั่นสัญญา

เพื่อนรุ่นพี่ผู้เป็นสาวมั่นก็ผ่านการดูหมอมาอย่างโชกโชน ลักษณะเนื้อคู่ของหล่อนสวิงไปมา เดี๋ยวฝรั่ง เดี๋ยวคนไทย ไม่รู้เท็จจริงคืออะไร เพื่อนสาวขาวหมวยนิสัยขรึม หมอดูบอก เนื้อคู่จะพบที่ทำงาน และจากการแนะนำของเพื่อน เพื่อนสาวลูกครึ่งนอกจากถูกเขยิบอายุของเนื้อคู่ลงมาเรื่อยๆยังถูกขยายเวลาการพบเจอออกไปอีกด้วย จนปัจจุบัน หมอขอฟันธงว่า ไม่เกินสามปีเจอแน่ เจอแล้วไม่ต้องดูใจนาน ไม่เกินหกเดือนแต่งได้ทันที ก็แหงสิคะ เวลาก็งวดเข้ามาทุกที เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ แต่ละนางแม้จะไม่เชื่อหมอดูเต็มร้อย ด้วยความที่คำทำนายไม่ได้ตรงกันเอาเสียเลย แต่ถ้าคุณหมอดูบอกให้แก้ดวงด้วยอะไร เราจะแทคทีมทำมันในทันที ไม่ว่าจะเป็นปล่อยปลา ไหว้พระราหู ติดทองที่หน้าบ้าน ทำบุญช่วยเหลือเด็กกำพร้า ทำสังฆทาน ซื้อโลงศพให้เจ้ากรรมนายเวร เปลี่ยนชื่อ โอย ว่ามาเถอะพวกเดี๊ยนทำกันมาหมดแล้ว แต่มันก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล พวกเราไม่ได้งมงาย แต่ก็ทำเพื่อความสบายใจและความสมัครใจ และบางทีเราก็สนุกสนานกันไปด้วย

อย่างทีเคยบอกไป ถ้าคุณรู้จักพวกเรา คุณจะไม่เชื่อว่าทำไมเราถึงยังโสดกันได้อยู่ เพราะเราก็เหมือนพวกคุณนี่แหละ เป็นผู้หญิงธรรมดาๆที่อยากมีความรัก อยากมีคนรักจริง และอยากมีอนาคต และสร้างครอบครัวที่ดีและแข็งแรง แต่พระเจ้ายังไม่เข้าข้าง พวกเราเลยได้แต่นั่งท่องสุภาษิต ช้าๆได้พร้าเล่มงามกันไปก่อน แม้ที่ผ่านมาสุภาษิตแนวป่าๆที่เห็นจะเป็นจริงจะมีก็แต่ พบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่นเสมอ ประเภทเจอคนที่ใช่ ในเวลาที่ไม่ควร ผู้ชายดีๆ มีเมียกันไปหมดแล้ว ตอนนี้เป้าหมายของเราคงเหลืออยู่สองทาง คือ เลือกคนที่อายุน้อยกว่าหน่อย หรือไม่ก็รอคนที่แต่งงานแล้วมันเลิกกัน หรือ เมียตาย เฮ้อ งานนี้ท่าจะยาก และออกแนวบาปๆด้วย คงไม่ดีต่อสุขภาพกายและจิต

ขอเล่าเรื่องความแม่นของหมอดูบ้าง เดี๋ยวจะหาว่ามองโลกแต่ในแง่ร้ายๆ เดี๊ยนมีเพื่อนสาวอยู่อีกนางที่รักใคร่กลมเกลียวกันมาแต่ครั้งเรียนปริญญาตรี เพื่อนคนนี้มีแฟนอายุน้อยกว่าที่คบกันมาตั้งแต่สมัยปีหนึ่งจนเรียนจบแล้วก็ไม่มีแววเลิกรา รักใครกันดี แม้มารดาฝ่ายหญิงจะพยายามกีดกัน แต่เขาและเธอก็ฟันฝ่ามาได้เหมือนในภาพยนตร์เกาหลี แต่หลังจากเรียนจบมาได้สักสามปี เพื่อนเดี๊ยนคนนี้ก็ได้ฤกษ์ไปต่อโทต่างประเทศ หล่อนไปได้แค่หนึ่งเทอม ผลปรากฏว่ามีคนใหม่เข้ามาจีบ ความรักที่เคยเหนียวแน่นเกิดสั่นคลอน คนหนึ่งคบหากันมานานกว่าหกปี อีกคนเพิ่งรู้จักได้หกเดือน เพื่อนคนนี้ตัดสินใจไม่ได้ จึงหันหน้าเข้าหมอดูตามระเบียบ ซึ่งการนี้เดี๊ยนเองเป็นคนจัดแจงหาหมอดูที่เค้าว่าแม่นนักแม่นหนา คุณลุงหมอบอกว่าเพื่อนมีดวงได้แต่งงานในอีกหกเดือนข้างหน้า ซึ่งฟังดูเลื่อนลอยนัก เพราะมันเร็วเกินไป เรียนโทก็ยังไม่ทันจบ หมอบอกว่าเพื่อนจะตัดสินใจได้ภายในสิ้นปีนั้นและเมื่อปลงใจแล้วจะแต่งงานเลยทันที แถมบอกให้เพื่อนไปแก้ดวงและเปลี่ยนชื่อให้มีศรีมีเสน่ห์มากขึ้น เพื่อนคนนี้เชื่อและไปทำตามทุกประการ หลังจากคุณเธอเดินทางกลับไปเรียนต่อเทอมที่สองและสาม จนเดี๊ยนลืมไปเสียสนิท วันหนึ่งก็ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากหล่อนว่า เรียนจบแล้วนะ จะกลับบ้านเดือนหน้าและจะมาแต่งงานด้วย ได้ฤกษ์และจองโรงแรมไว้แล้ว เจ้าบ่าวเป็นหนุ่มหน้ามนคนที่เรียนด้วยกันที่โน่น ถึงจะแลดูกะทันหันแต่ก็ไม่ได้เป็นเพราะพิษไข้แตงโม มันเป็นไปตามดวงล้วนๆ เพื่อนคนนี้ตอนนี้ย้ายถิ่นฐานไปพำนักกับสามีที่ต่างจังหวัดมีลูกทันใช้แล้วหนึ่งหน่อ น่าอิจฉาเป็นที่สุด ชีวิตครอบครัวราบรื่น สามีร่ำรวย แม่ยายและอาม่ารักและเอ็นดูดุจลูกในไส้

เรื่องแต่งงานและเนื้อคู่เป็นเรื่องของกรรมเวร ใครทำกรรมดีก็ได้พบเจอเนื้อคู่ที่ดีในเร็ววัน ใครมีกรรมเก่าติดค้างใครไว้ ก็ต้องรอนแรมไร้คู่ไปสักระยะ แต่ระยะของเดี๊ยนนั้นจะยาวไปถึงไหนกันนะ เคยได้รับforward เมล์ว่า คนที่ไม่มีคู่ อาจเพราะชาติก่อนเคยร่วมสาบานรักกับใครคนหนึ่งไว้ ชาตินี้ เลยต้อง รอใครคนนั้นไปเรื่อยๆ ใครหน้าไหนที่เวียนมาบรรจบก็ไม่สามารถลงเอยกันได้ ด้วยผลแห่งกรรมเก่าที่ผูกพันกับใครคนหนึ่งไว้แล้ว หากอยากหลุดพ้นให้ทำบุญกรวดน้ำและเอ่ยวาจาสัตย์ ขออโหสิหรือยุติกรรมที่มีไว้ร่วมกัน จริงเท็จประการใดไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ อะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ทำแล้วสบายใจ ก็คงไม่เสียหายที่จะทำนะ ว่าไหมคะ
อยากรู้จังว่าเหล่าชายแท้ที่อายุเกินสามสิบแล้วยังไม่ได้แต่งงานเหมือนเรา เขาจะมีความรู้สึกเช่นไร จะสุขจะทุกข์ จะรู้ร้อนหนาวอย่างเราหรือไม่ เดี๊ยนสังเกตแล้วพอจำแนกความรู้สึกของชายโสดได้ว่า พวกนักเที่ยวล่าเด็กจะยังไม่รู้สึกอะไร นอกจากอิสระไร้ขีดจำกัด สบายสุดๆ เป็นพี่ที่น่าอิจฉาของบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูง พวกหนอนหนังสือบางคนอาจเริ่มกังวลบ้าง แต่คนไหนที่ทางบ้านเริ่งรัดจะเริ่มกังวลเป็นพิเศษ และหันมาใช้บริการแม่สื่อแม่ชักทั้งระดับมืออาชีพและมือสมัครเล่น หนุ่มโสดกลุ่มนี้ หากเพื่อนสาวไสดได้เจอนับว่าโชคดี เพราะเขาจะไม่ดูอะไรมากและพร้อมแต่งงานกับคุณภายในสามวันเจ็ดวัน พวกหนุ่มเลือกมาก ไม่ทราบว่ามีปมใดมาแต่เล็กแต่น้อย พ่อเลือกจัง เฟ้นให้เจอคนที่ใช่ คนนั้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ใช่ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต่างจากพวกเราสาวโสดคือ มักจะพบไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น เจอสาวสวยที่ใช่ ในเวลาที่ไม่เหมาะสม มักแอบปิ๊งแฟนเพื่อน หรือคนที่แต่งงานไปแล้ว พวกเขาจึงได้แต่นั่งมองสาวสายเดี่ยวตามผับ แล้วตั้งหน้าทำมาหากิน จนในที่สุด จะถูกกระแสสงสัยว่าเป็นเกย์รึเปล่า คนไหนจิตอ่อนก็อาจเป็นไปจริงๆ คนไหนจิตแข็งหน่อยก็จะอยู่รอให้พวกเราสาวโสดได้พบเจอ ถ้าถูกใจกัน ก็รีบๆแต่งกันไปซะ ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นภาษีคนโสด ซึ่งเป็นนโยบายในฝันของเดี๊ยน เพราะอาจช่วยผลักดันให้คนหาคู่ ลดภาวะโสดกันทั่วหน้าได้ ใครไม่เห็นแกหัวใจ ก็เห็นแก่เงินที่ต้องจ่ายไปปีละมากๆ นอกจากพี่น้องคนไหนอยากจะช่วยชาติ ก็อยู่โสดกันต่อไปเรื่อยๆ เดี๊ยนหน่ะขอช่วยชาติด้วยวิธีอื่นเถอะ ขอรอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาสอยลงจากหอคอยอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ก็หมอดูตั้งสี่สิบห้าคนเค้าฟันธงไปแล้ว ได้แต่งแน่ๆ เดี๊ยนก็จะ รอ รอ รอ และรอ ค่ะ

สารพันนัดบอด

เมื่อตัวของตนไม่มีความสามารถพอจะหาคู่มาตุนาหงันได้ งานนี้ก็ต้องอาศัยอาชีพดั้งเดิมแต่ครั้งปิรามิดเพิ่งเริ่มสร้าง นั่นคือ แม่สื่อแม่ชัก ไม่อยากจะเชื่อว่า ชีวิตนี้สาวมั่นอย่างเราต้องหันมาพึ่งบริการแม่สื่อเพื่อหาคู่ แต่ก็นั่นแหละ แม่สื่อนี้ ก็มีทั้งแบบมืออาชีพและมือสมัครเล่น พวกมืออาชีพนี่ ไม่ค่อยได้รับความนิยมจากหมู่เพื่อนฝูงในวงการของเดี๊ยนเท่าไหร่นัก เหตุด้วย หน้าบางเจ้าค่ะ อายที่จะต้องทำอะไรแบบนั้น เพื่อนสาวขาวหมวยคนหนึ่ง ให้เหตุผลว่า ‘มันดูตั้งใจเกินไป’ เพื่อนรุ่นพี่สาวมั่นบอกว่า ‘ชั้นไม่ได้ desperate ขนาดนั้น’ แต่ด้วยเหตุที่ธรรมชาติเรียกร้อง พวกเธอจึงหันไปพึ่งแม่สื่อประเภทที่สองมากกว่า นั่นก็คือ แม่สื่อจำเป็น ซึ่งอาจเป็นเพื่อนที่แต่งงานหรือมีแฟนจริงจังไปแล้ว โปรดอย่าใช้บริการของเพื่อนสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือมีแฟนแต่ดูไม่จริงจัง เพราะหล่อนจะคาบเขาไปรับประทานเสียก่อน ดังสุภาษิตโบราณว่าไว้ว่า แม่สื่อแม่ชักมักชักเข้าตัว แม่ก็ชักผู้ชายเข้าหาตนเอง บางแม่สื่อก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่เพราะเคมีบางอย่างของผู้เป็นแม่สื่อและชายผู้ถูกชักที่มักจะตรงกัน อาจเป็นที่ความเข้าอกเข้าใจ ที่แม่สื่อมีให้ต่อฝ่ายชาย ในขณะที่เราตัวกลางนั้นต้องวางฟอร์มต่างๆนานา เพื่อให้ได้มาซึ่งแฟนที่จะเป็นว่าที่สามีในอนาคต พวกแม่สื่อเธอสามารถเป็นตัวของตัวเอง และได้แสดงเสน่ห์ที่แอบแฝงของหล่อนได้อย่างแยบคาย หลายคนถึงกับต้องเสียเพื่อนไป เนื่องด้วยเกิดเหตุคล้ายๆว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ แอบกินเวลาเราเผลอ เรื่องนี้พูดไปก็ปวดร้าว เกรงว่าจะเข้าตัวใครหลายๆคน เพราะสาววัยอย่างเราๆนั้น ถ้าไม่เคยชักใครให้ใคร ก็คงต้องเคยถูกใครชักให้กับใครบ้าง อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งละน่า แหมคุณ ผ่านมาสามสิบฝน สามสิบหนาวแล้ว

เริ่มเล่าก่อนเลยว่า เดี๊ยนนั้นถนัดและชอบนักที่จะเป็นแม่สื่อจำเป็นให้เพื่อน ด้วยเชื่อว่า ความดีทำไปเถิดไม่เสียหลาย เพื่อนมีความสุข เราก็ได้บุญ แล้วบุญนี้จะนำพาเราไปให้ได้คนดีดีมาครอบครองเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวโสดคนไหนดูน่าจะเหมาะกับเพื่อนชายคนไหนที่ไม่มีใครใช้แล้ว แต่ยังสภาพดีอยู่ เดี๊ยนก็มักจะชักพามาให้เขาได้รู้จักมักจี่กัน แต่ด้วยความที่เป็นแม่สื่อที่มีคุณธรรม เดี๊ยนจะปลีกตัวออกห่างทันทีที่เห็นว่าทั้งสองต้องใจกัน และฝ่ายชายไม่งี่เง่าจนเกินไป จะได้ไม่เกิดปัญหาอื่นๆตามมา แต่ที่ผ่านมาแล้ว อาชีพแม่สื่อของเดี๊ยนนั้นไม่ใครประสบความสำเร็จนัก ส่วนใหญ่ถ้าไม่เจ๊งตั้งแต่ครั้งแรกๆ ก็อาจคบกันได้ไม่ยืด ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หรือพจนานุกรมจะบัญญัติไว้ว่า แม่สื่อที่ดีต้องมีครอบครัวแล้ว จะได้เป็นตัวอย่างที่ดีแค่คู่ต่อๆมา แม่สื่อที่ยังโสดอยู่ ถือเป็นแม่สื่อที่ด้อยคุณภาพเนื่องจากว่า ไม่มีฮอร์โมนชีวิตคู่ เออว่าเข้าไปนั่น แต่ไม่รู้แหละ คนคิดดี หวังดี แต่ทำความดีไม่ขึ้น หาคู่ให้ตัวเองไม่ได้ คิดจะหาให้คนอื่นก็ยังไม่สำเร็จ

เมื่อสื่อชักกันแล้ว เรื่องที่ขาดเสียไม่ได้คือการนัดบอด นัดบอดสมัยนี้มันก็ไม่ใช่แบบบอดสนิทที่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีนั้น ชั้นจะนุ่งกระโปรงสีนี้ หรือผมจะปักดอกกุหลาบแดงที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายนะครับ นัดบอดยุคนี้นิยมแม่สื่อไปด้วย หรือไม่พวกที่ไฮเทคหน่อยก็ได้มีการสำรวจหน้าค่าตากันมาแล้วจาก hi5 หรือ facebook เพราะฉะนั้น การนัดบอดในปัจจุบันจึงไม่บอดจริง ขอเล่าจากประสบการณ์ตรงของทั้งตนเองและเหล่าเพื่อนสนิทที่ใช้บริการนี้มาบ้างพอหอมปากหอมคอ หลายนัดก็ลงเอยได้เป็นเพื่อน หลายนัดก็ควงกันอยู่พักหนึ่ง และอีกหลายนัดที่จบลงด้วยคราบเลือดและน้ำตา

เริ่มเล่าจากเรื่องล่าสุดก่อน เดี๊ยนนัดให้วิภาวีได้รู้จักกับชายหนุ่มวิศวกรเพื่อนของเพื่อน ทั้งคู่ยังโสดและจบปริญญาจากเมืองนอกเหมือนกัน เป็นธรรมดาที่เราต้องสร้างพล็อตเพื่อให้เกิดการดูดี และพล้อตยอดฮิตในหมู่สาวๆกับหนุ่มวิศวกรคือ เรื่อง คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะมีปัญหาคอมพิวเตอร์มาปรึกษา หรือไม่ก็ขอให้ช่วยแนะนำแลปท็อปรุ่นใหม่ให้หน่อย บางทีก็เป็นเรื่องของรถยนต์หรือเครื่องยนต์กลไกที่เราไม่ถนัดเลย ฝ่ายชายพอรู้ว่าฝ่ายหญิงมีความสามารถทางภาษามากกว่าตน ก็มักจะเอางานเอาบทความมาถามความคิดเห็น บางคนก็ขอให้ช่วยแปลหน่อยสิครับ ขอบอกไว้นะตรงนี้เลยนะว่า พลาด พลาด พลาดอย่างมาก เพราะเราขี้เกียจอ่าน ขี้เกียจแปลให้ จะจีบก็ชวนดื่มน้ำชากาแฟฟดีกว่า อย่ามาใช้งานกันเลยได้โปรด คู่ที่เริ่มแบบนี้ ถ้าฝ่ายหญิงไม่ nerd จริง ขอการันตีว่า เอาแห้วไปรับประทานได้เลย ขอเล่าเรื่องวิภาวีกับอีตานั่นต่อ พล้อตที่สร้างไว้ก็เป็นแบบมาตรฐาน คือ สาวต้องการซื้อแลปท็อปและต้องการคำแนะนำ ฝ่ายชายชำนาญทางคอมพิวเตอร์ จึงพาสาวไปเดินที่พันธ์ทิพย์พลาซ่า ดีแค่ไหน ที่เขาไม่เสนอให้ประกอบเอง เดินจนน่องสึก ก็ไม่ถูกใจสักที ฝ่ายหญิงออกอาการเพลียมากแล้ว ในขณะที่ฝ่ายชายนั้นดื่มด่ำกับของชอบอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผลปรากฏว่า คนที่ซื้อของได้มาถุงใหญ่ คือ ฝ่ายชายของเรา ในขณะที่ฝ่ายหญิงได้ปากกาเขียนซีดีมาแท่งเดียว
จะด้วยความไม่มีเสน่ห์ของฝ่ายชายหรือความงกก็ไม่ทราบได้ น้ำอดน้ำทนของเขามีมาก เดินขาลากตั้งแต่สิบเอ้ดโมงยันสี่โมงครึ่ง ไม่มีชี้ชวนหาน้ำดื่ม หรือ อาหารว่างสักนิด เอ หรือเขากะจะชวนดินเนอร์ วิภาวีของเราก็คิดในแง่ดีไว้ก่อน จนห้าโมงครึ่งไม่มีทีท่าจะชวนทานอะไรเลย ฝ่ายหญิงทนไม่ได้จึงเริ่มชวนก่อน ทั้งคู่ขับถตามกันออกจากพันธุ์ทิพย์ไปคนละคัน ตามคำแนะนำของหญิงสาวว่ารู้จักร้านเค้กอร่อยระหว่างทางกลับบ้าน จนมาถึงร้านเค้กกลางถนนสาธร ร้านสวย เข้ารสนิยมหญิงสาว แต่ชายหนุ่มนั้นออกอาการประหม่าจนไม่อยากจะเชื่อว่าจบปริญญามาจากเมืองนอกเมืองนา ครั้นบิลมาเรียกเก็บเงิน ราคาค่าเค้กกับกาแฟเย็นก็อักโขอยู่ ฝ่ายหญิงเสนอก่อนว่าตนจะเลี้ยงเอง เพราะวันนี้มาธุระของหล่อน ทายสิคะ ฝ่ายชายตอบว่าอย่างไร คุณทายละสิว่า เขาตกลง เปล่าเลยเขาไม่ได้ตกลง งั้นเขาก็คงรักษามารยาท ขอเป็นฝ่ายเลี้ยงเองแน่นอน ก็ผิดอีก เขาบอกว่า ‘หารกันดีกว่าครับ’ เป็นไง น่ารักไหมคะ ปรากฏว่าคู่นี่ก็ไม่ลงเอยกันตามคาด

เพื่อนอีกคนเปลี่ยนเป้าหมายไปเดทฝรั่งเพราะคิดว่าคงไม่คิดเล็กคิดน้อยเท่าคนไทย และคงไม่แคร์ถ้าเธอจะมีการศึกษาที่สูงกว่า งานนี้ก้ปวดร้าวมาอีก เพราะคบกันไป ถูกันมา จนงงว่า ตกลงเราเป็นอะไรกัน เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ ฝรั่งชายตาน้ำข้าวก็ยังยืนยัย นั่งก็ยัน นอนก็ยันว่า ยูเป็นเพื่อนที่พิเศษที่สุดที่ไอเคยมี เพื่อนเดี๊ยนก็ยังสู้ เอาวะ เพื่อนก็เพื่อน แต่ลักษณะการคบกันแบบนี้ คำพูดแบบนี้ สายตาแบบนี้ กิริยาอาการแบบนี้ ไอว่ามันไม่เพื่อนนะ อีกสองเดือนหล่อนก็ถามเขาอีก ตกลงเราเป็นอะไรกัน คราวนี้ ฝรั่งถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบว่า ไอไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของเราด้วยการเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน พูดแบบนี้ ง่ายนะ แต่ฟังเข้าใจยาก เพื่อนสาวของดิฉันพยายามคิดทบทวนอยู่หลายคืน ถามเกจิก้แล้ว กูรูก็แล้ว ก็ยังไม่รู้แจ้งว่า ทำไมถ้าเป็นแฟน ความสัมพันธ์จะไม่ดีหรือ หลายกูรูจึงแอบฟันธงว่า มันคงมีเมียแล้วแหละ ความจริงจะยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือ ชายคนนี้ไม่ต้องการผูกมัด นี่ก็เป็นอีกข้อด้อยของการคบต่างชาติเพราะมีแนวโน้มสูงมากที่พวกนี้จะไม่ชอบการลงเอยหรือผูกมัดกับใครคนใดคนหนึ่ง คุณก็จะเป็นได้แค่ special friend ต่อไป

เพื่อนสาวขาวหมวย ฉายา ป๊าม๊าเลี้ยงได้ก็เคยผ่านการนัดบอดมาแล้วสองสามครั้ง และทุกครั้งก้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะเธอเป็นคนเงียบๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นสเป็คของผู้ชายเรียบๆหลายๆคน เพื่อนฝูงที่ recruit ผู้ชายมาแนะนำให้ ก็เฟ้นมาแล้วว่า หนุ่มพวกนั้นบอกว่าชอบผู้หญิงเรียบร้อย แต่ผู้ชายก็แปลกนะ คล้ายจะปากอย่าง ใจอย่าง ก่อนเจอบอกชอบคนเรียบร้อย หลังเจอบอกน้องเค้าเงียบมาก และผมว่าผมอาจชอบคนสนุกสนาน มันช่างไม่มีความชัดเจนเอาเสียเลย เพื่อนคนนี้จริงๆไม่ชอบการนัดบอดเลย เพราะหล่อนเงียบและไม่ช่างพูด การนัดบอดดูจะเป็นการสร้างความอึดอัดให้ทั้งสองฝ่ายมากกว่า ไม่นานมานี้หล่อนมาสารภาพกับดิฉันว่า เคยชอบชายคนหนึ่งที่ได้นัดบอดด้วยเมื่อสองปีก่อน แต่เพราะว่าเป้นการนัดดูตัวนี่แหละที่เสมือนดาบสองคม ฝ่ายหญิงจะแสดงท่าทีเป็นมิตรมากก็ไม่ได้ กลัวฝ่ายชายจะหาว่ามีใจ ฝ่ายชายก็จะออกเสต็ปมากไม่ได้ เพราะกลัวถูกหาว่าหน้าหม้อ หรือเกรงใจคนแนะนำ สรุปก็เอาแห้วไปรับประทานทั้งคู่ แต่ผู้หญิงเสียเปรียบกว่าตรงที่ พอเราเงียบไม่เจรจาฮาเฮ ผู้ชายก็มักจะสรุปเหมาเอาว่า เราเงียบเพราะหยิ่ง นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ยังหาทางออกไม่ได้ เมื่อตัวตนของเราเป็นแบบนี้และการนัดบอดก็เสมือนดาบสองคมที่ทั้งสองต้องวางตนอยู่ในม่านประเพณี ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นก็ถูกสะกดกลั้นไว้ แล้วโดยมากถ้าฝ่ายชายไม่ใช่นักสู้เจนสังเวียน การจับคู่ครั้งนี้ก็จะล่มลง และจบลงที่การเขินอายไม่กล้ามองหน้ากันไปอีกแรมปี เพื่อนดิฉันก็เคยคิดจะเริ่มติดต่อหนุ่มคนนั้นกลับไปก่อน เพื่อถามสารทุกข์สุกดิบ แต่ก็ไม่กล้าด้วยกลัวว่าจะไม่งาม ทั้งที่รู้มาแล้วว่าฝ่ายชายก็ยังโสดเช่นกัน เฮ้อ ไม่รู้จะช่วยยังไงได้

นัดบอดเป็นพิษก็มีหลายราย ดังที่ได้เล่าไปในบทก่อนที่ผู้ชายหวังมาเพื่อฟัน พอไม่ได้สมอารมณ์หมายก็มาประนามหาว่าฝ่ายหญิงเป็นพวกฝักใฝ่เพศเดียวกัน พวกนี้ไม่แมนมากๆ ผู้ชายบางคนจะนัดเจอสาวต้องขอดูรูปร่างก่อน เคยมีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สนิทเท่าไหร่ พอดิฉันรู้ว่าเขาโสดจึงพยายามจะจับคู่ให้กับเพื่อนสาวที่เห็นว่าจะไปกันได้ คำถามแรกคือ รูปร่างเป็นยังไงครับ หน้าตาดีไหม ทำไมผู้ชายต้องกังวลที่รูปลักษณ์ภายนอกมากขนาดนั้น ในขณะที่ดิฉันเชื่อว่าคำถามแรกจากฝ่ายหญฺงน่าจะเป็น ทำงานอะไร นิสัยดีไหม ส่วนหล่อไหมน่าจะเป็นคำถามที่สอง และสูงไหม คงจะเป็นคำถามที่สาม รวยไหม อาจจะเป็นคำถามที่สี่ เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าชายและหญิงสนใจในจุดที่ต่างกันเวลาจะคบหรือเดทกับใคร ฝ่ายชายมุ่งเป้าไปที่รูปร่างหน้าตา ส่วนฝ่ายหญิงสนใจที่อาชีพการงาน อนาคต รูปร่างหน้าตาเป็นเรื่องรอง

บางคู่นิยมสนทนากันทางโทรศัพท์ ศึกษานิสัยใจคอกันจนพออกพอใจ และเชื่อว่าไม่พลาดแน่คนนี้และทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับว่าไม่สนใจที่รูปร่างหน้าตาเพราะแม่สื่อการันตีแล้วว่า โอเค น่ารัก สำหรับฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายชายก็ ไม่หล่อมาก ไม่สูงมาก แต่ก็ไม่น่าเกลียด คำว่าธรรมดาๆ ก็ดูจะเพียงพอแล้วสำหรับฝ่ายหญิง ในขณะที่คำว่า ธรรมดาถ้าใช้บรรยายฝ่ายหญิงจะทำให้ความสนใจลดต่ำลงทันที แต่คู่นี้ไม่สนเปลือกนอก ทั้งคู่คุยโทรศัพท์กันมาแรมเดือน ก่อนตัดสินใจนัดเจอกัน งานนี้ไม่ต้องอาศัยแม่สื่อพาไปเจอ ทั้งสองมั่นใจ คุยกันมาแล้ว รู้จักกันดี จิตใจเธอสำคัญกว่าหน้าตา พอเจอกัน ก็ไม่ได้มีปัญหาที่รูปร่างหรือหน้าตาเลย แต่มันไม่คลิ๊ก ฝ่ายชายว่าคุยโทรศัพท์กันดีกว่า พอเจอตัวแล้ว เหมือนรถน้ำมันหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไร

กิจการนัดบอกแบบตั้งใจของดิฉันไม่ค่อยจะสำเร็จอย่างที่เคยบอก แต่การทำให้สองคนรู้จักกันได้โดยไม่ตั้งใจนี่สิมักสัมฤทธิ์ผลเกินคาด จนบางทีก็น่าอิจฉา ดิฉันมีเพื่อนผู้หญิงอกหักอยู่คน หน้าตาน่ารัก ออกแนวด๊อแด๊ อ่อนแอ อ่อนต่อโลก พออกหักก็ลาออกจากงาน ดิฉันแนะนำให้ไปสมัครงานที่ที่พ่อเพื่อนเป็นเจ้าของบริษัท ไม่เกินสามเดือน เพื่อนสาวคนนั้นกับเพื่อนหนุ่มลูกชายเจ้าของบริษัทก็คบกันอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะชน ยกเว้นต่อดิฉันคนเดียว เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะคุณเธอรู้น่ะสิว่า ชั้นรู้ว่าหล่อนยังคงติดต่อกับไอ้แฟนเก่าอยู่ งานนี้เดี๊ยนก็เสียเพื่อนไปสองคน เพื่อนผู้ชายเพราะไม่อยากเจอหน้ามันพร้อมต่อมโง่ เพื่อนผู้หญิงที่หล่อนไม่ยอมมาเจอหน้าชั้นเอง เพราะแสลงใจ เฮ้อ ลงเอยแบบเศร้าๆ แต่เขาก็แต่งงานกัน ตอนนี้มีลูกสองคน คนโตเข้าโรงเรียนไปแล้ว

สรุปแล้ว การนัดบอดนี่จะสนุกตอนวางแผนเสียมากกว่า กับช่วงติดตามผลระยะแรก ผลลัพธ์มักไม่ค่อยน่าปลื้ม พวกตัวลุ้นดูจะสนุกมากกว่าตัวแสดง เพราะทั้งสองฝ่ายจะออกแนวเกร็ง บางคนก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง บางคนก็เป็นตัวของตัวเองจนเกินไปตั้งแต่ครั้งแรกจนแลดูน่าสะพรึงกลัว แต่ก็เพราะความเกร็ง หรือความที่ต่างฝ่ายต่างรู้นี่แหละว่านัดนี้เป็นการดูตัว การจะออกเสต็ปอะไรก็เลยไม่เต็มที่โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ต้องวางมาด ให้เหมาะสมกับเป็นคนที่เพื่อนหรือพ่อแม่เลือกมาให้ สุดท้ายก็เลยรับประทานแห้วกันเสียส่วนใหญ่ ออกแนว เพื่อนมันส์ ญาติสนุก แต่ก็ไม่เป็นไร นัดใหม่ก็ได้ ผู้ชายยังมีให้เลือกอีกมาก

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Spending weekends with me??


เสาร์-อาทิตย์ อยากไปชิลเอ้าท์ แต่ก็กลัวแดด กลัวอากาศร้อน สุดท้ายเลยต้องไปตายรังแถวๆพารากอน หรือ Central World แต่ก็เบื่อนะ กินร้านเดิมๆ เดินเจอคนหน้าเดิมๆ ไม่อยากช้อปก็ต้องช้อป บางทีอยากไป chill chill ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการจับจ่าย แต่เดินหมุนไปหมุนมาก็ต้องซื้ออะไรสักอย่าง เข้า Boots ก็ได้มาหน่อย แวะซุปเปอร์ก็ได้มาอีกนิด

ไม่นานมานี้มีไอเดียใหม่ คือไปที่เดิมๆ แต่ทำสิ่งใหม่ๆ เช่นเดินพารากอนในมุมที่ไม่เคยเดินมาก่อน มันต้องมีสิน่า ชั้นที่ไม่เคยเดิน แผนกที่ไม่สนใจ เดินเข้าไปดู เปิดโลกทัศน์ใหม่ เออ ปรากฏว่า สนุกดีค่ะ ไม่เสียตังค์ด้วยเพราะสินค้ามิใช่ target เช่น วันก่อนเราไปเดินโซนซ้ายของห้างพารากอน เรียกไม่ถูกว่าโซนอะไร แต่แถบที่เป็นธนาคารกสิกรไทย ไปยันร้าน Tony Roma แล้วเดินโซนนี้ขึ้นๆไปเรื่อยๆ ไปถูกใจที่ชั้น 3 จำได้ว่าเรียกบริเวณ The Cocoon เป็นร้านกาแฟ อาหารง่ายๆ ร้านสวยสดหมดเลย ที่นั่งน่าสบาย ดูชิลๆ ร้านรวงแถบนั้นขายเฟอร์นิเจอร์ จึงเป็นอาหารตาที่ดีพอๆกับรสชาติเครือ่งดื่มที่สอยมา เราชอบที่สุดคือ ร้าน Chaho ขายชาเขียวแท้แบบต่างๆ (ที่มีอีกสาขาที่เซ็นทรัลเวิร์ล) และแม้แต่เครื่องดื่มคู่ใจตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ชานม Mr.Shake ก็มาเปิดช้อปค่ะ แถมด้วยสินค้าไลน์ใหม่คือ Ice Glace น้ำแข็งใสทรงเครื่อง

ที่ Central World เราก้แวะไปใช้บริการ TK Park ใช้ได้เลยค่ะ ดูแออัดไปนิด แต่ไม่ว่ากัน ดีใจแทน ที่วัยรุ่นมาอ่านหนังสือกันมาก อยากให้เด็กๆมีนิสัยรักการอ่าน เพราะได้ความรู้และเป็นการฝึกสมาธิไปด้วยในตัว ค่าเข้าต่อครั้ง 20 บาทเอง แต่ต้องจ่ายค่ามัดจำบัตรผ่าน 50 บาท ซึ่งจะได้คืนตอนออก ถ้าจะสมัครสมาชิก ก็จะสามารถยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้านได้ด้วย แต่ค่าสมาชิกเอาการอยุ่นะ รู้สึกว่าจะ 350 บาท แต่ถ้ามาบ่อย ยืมแยะ ก็คุ้มค่ะ ที่เก๋ที่สุด คือ ห้องสมุดดนตรี มีเครื่องดนตรีให้มาเล่น มีเครือ่ง ipod ให้มาฟังเพลง มีเครื่องคอมที่ให้ search หาเพลงฟังได้ทุกรูปแบบ รู้สึกว่า จะมีห้องให้จองเพื่อทำ workshop หรือ สัมมนากลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่เผื่อใครมีไอเดียดีๆมาเผยแพร่ สถานที่แบบนี้ น่าสนับสนุนมากๆค่ะ

เพื่อนๆลองดูสิ แก้เบื่อง่ายๆโดยการเปลี่ยนแปลงมุมมองนิดหน่อย ไปสถานที่เดิมๆในเวลาใหม่ๆ ทำกิจกรรมเดิมๆในสถานที่ใหม่ๆ หรือ ไปสถานที่เดิมแต่ทำกิจกรรมใหม่ หาดูสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยสนใจ เปิดกรอบของตัวเองออกค่ะ แล้วจะสนุกขึ้นเยอะ คุณอาจเจออะไรดีๆก็ได้นะ

แล้วมาเล่าให้ฟังบ้างนะ

ช็อปปิ้งที่ย่าน Union Square ใน NYC


คนไปเที่ยวนิวยอร์กส่วนใหญ่จะมุ่งไปช้อปปิ้งที่ถนนหมายเลขห้า หรือ the 5th Avenue และย่านใกล้เคียง เพราะเป็น tourist attraction ใครๆก็ต้องไปที่นั่น เราเองก็ไปๆๆๆๆ แต่ก็ซื้ออะไรไม่ได้นะ ไม่ใช่เพราะของเค้าไม่สวย แต่เพราะของแต่ละชิ้น แต่ละแบรนด์แถวนั้น ราคาแพงระยิบ แทบหยิบไม่ได้ เราอ่ะนะรสนิยมไปถึงแล้ว แต่รายได้ออกจะต่ำไปสักนิด อาการปกติที่ทำได้ คือ เดินน้ำลายหกไปมาจนขาอ่อน แต่เมื่อไม่นานนี้ได้ไปรู้จักกับย่าน Union Square เหมือนสวรรค์เลยค่ะ เพราะทุกร้าน ทุกแบรนด์ราคาซื้อได้ แถมยังมีพวก discount store หลายแห่ง เช่น คลังรองเท้าลดราคา DSW, ร้านของแบรนด์ราคาประหยัดแบบ Finale's Basement, เสื้อผ้าวัยรุ่นแนว streetware ก็มีให้เลือกมาก ช่วงสุดสัปดาห์บางทีมีคนมาออกร้านแบบตลาดนัดอีกด้วย สนุกดีค่ะ ก่อนกลับโรงแรม ยังแวะซื้อของทานที่ซุปเปอร์ออร์แกนิค อย่าง Wholefood ได้เลยทันทีก่อนลงรถใต้ดิน ไปครั้งหน้า แวะไปย่านนี้บ้างนะ ช้อปได้แบบสบายกระเป๋าค่ะ

Dancing Prawns กุ้งเต้นนนนนนนนน จ. ปทุมธานี


ภัตตาคารอึ้ง จั้ว กี่

ร้านนี้เราทานมานาน และร้านก็เปิดมานานกว่า 30 ปี เวลามาเราก็จะสั่งรายการอาหารเดิมๆ ที่ขาดไม่ได้คือ กุ้งเต้น ที่มาแบบไม่เหมือนคาด เรียกว่าเกินคาดก็ไม่ผิดนะ กุ้งเผากึ่งสุกกึ่งดิบถูกผ่าออกเป็นสองซีก แล้วราดด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยวจี๊ดสะใจ เมนูต่อมาคือ ข้าวผัดหม่อม จำชื่อไม่ค่อยได้ แต่ที่แน่ๆ มันเป็นข้าวผัดก้ามปู อร่อยสุดๆเลย ไม่เคยเห็นเมนูนี้ที่ไหนมาก่อน เผ็ดนิดๆ พอแก้เลี่ยน สั่งมาทานจานนึงแล้ว ยังต้องซื้อห่อกลับบ้านอีกอยู่เรื่อย อีกจานคือ ทอดมันกุ้ง ดูแล้วน่าจะเป็นกุ้งล้วนๆ ไม่ใช่ประเภทกุ้งครึ่ง แป้งครึ่ง มันหมูครึ่งแบบร้านสมัยใหม่ ทอดมันไม่ได้คลุกเกล็ดขนมปังจึงไม่ได้กรอบกร้วบ แต่ก็อร่อยได้ใจ ได้เนื้อกุ้ง รสชาติแบบแม่ทำให้ทานตอนเด็กๆค่ะ ส่วนเมนูโปรดของแฟนเรา คือ เชิงปลากรายทอดกรอบ มาทีไรเขาก็สั่งทุกที เราชอบแอบทานแต่ส่วนของแป้งที่ทอดมาฟูๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ในใจกลางตลาดปทุมเลย หาไม่ยากหรอก ถามใครๆแถวนั้นเขาก็รู้ ถ้าลงสะพานนวลฉวี แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ขับมาจนสุดถนน มันจะบังคับเลี้ยว แล้วคุณก็จะมาถึงตลาด ที่มีรถบัสจอดเรียงราย ร้านนี้อยู่แถวๆนั้นแหละค่ะ

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทานทงคัตสึ กรอบอร่อย ประชดคลอเรสเตอรอล @_@


นานๆก็ไปทานทีที่ร้าน ซาโบเต็น ชั้น 6 ห้างอิเซตัน เมนูซาโบเต็นเซ็ทพิเศษที่รวม สันนอก สันใน กุ้งใหญ่ และ โครเกะครีมปู อร่อยล้ำมาก ร้านนี้ให้คุณแถมข้าวญี่ปุ่นเหนียวนุ่ม หอมกรุ่น มิโซะซุป กับ กะหล่ำปลีฝอย ได้ไม่อั้น ที่ทานกับ dressing สองรสชาติ ที่เราโปรดสุดคือ ที่เป็นสีขาวๆครีมๆ คาดว่า น้ำสลัดงาขาว ปิดท้ายด้วย ไอศกรีมชาเขียวที่แถมฟรีมากับชุด น้ำจิ้มทงคัตสึให้เติมได้เรื่อยๆ ผสมกับงาขาวดำที่ให้เรามาบดเองตามความชอบ ไม่ควรพลาดไปลองนะคะ

ว่าด้วยเรื่องก๋วยเตี๋ยวเรือ


หนึ่งในอาหารในดวงใจเราคือ ก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ วันนี้ขอมาจัดลำดับ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือในดวงใจ เท่าที่พอนึกได้นะคะ 1. ร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา "ลุง" ตรงข้ามหอประชุมกองทัพเรือ ร้านนี้ราคาประมาณ 12 บาท เราทานมาตั้งแต่ชามละ 5 บาท ประมาณ 15 ปีมาแล้ว อิอิ (อาย เดี๋ยวทุกคนรู้อายุ) อร่อยระดับ 4 ดาว

2. ร้านอ๊อด ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ให้5 ดาวครึ่งเลย แต่ต้องบินไปทานไกลถึง Thai Town บนถนน Hollywood Boulevard, LA ค่ะ มีชามเล็ก ชามใหญ่ สนน ราคา $3.50/$6.00 แต่อร่อยมากกกกกกกก น้ำตาเล็ด 3. ร้านบนเกาะเกร็ด ข้ามฟากมาจากวัดสนามเหนือแล้วเลี้ยวซ้าย ร้านแรกตรงข้ามโรงเรียนค่ะ 4. สุดท้าย ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ทรงเสวย จ. ปทุมธานี ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ลงสะพานนวลฉวี เลี้ยวขวาเข้าทางร้านกุ้งเต้น ถนนสายนั้นมีก๋วยเตี๋ยวเรือหลายร้านนะ (เส้นทางคมนาคมในจ. ปทุมตอนนี้สะดวกสบายมาก มีถนนตัดใหม่หลายสายยังกะเส้นก๋วยเตี๋ยว) เราเลือกร้านนี้ เพราะเห็นว่า สมเด็จพระเทพฯทรงเคยมาเสวย อร่อยดีค่ะ น้ำแกงออกเปรี้ยวนิดๆ เราก็ไปทานบ่อยเหมือนกัน

ร้านสเต็กบนเกาะเกร็ด

เคยไปเที่ยวเกาะเกร็ด เห็นร้านกาแฟเปิดเพลงแจ๊ส จำไม่ได้ว่าชื่อร้านอะไร แต่รู้ว่าบ้านเลขที่ 1 เกาะเกร็ด กาแฟอร่อย ราคาราวๆ 15-30 บาท เราสั่งกาแฟเย็นลาเต้ กับ น้ำแดงมะนาว อร่อยดี ไม่หวาน ไม่เปรี้ยวเกินไป นั่งไปนั่งมาทนกลิ่นหอมยั่วใจของเมนูสเต็กไม่ไหวเลยลองสั่งมาทาน ปรากฏว่า อร่อยเหาะใช้ได้ รสชาติเข้ม เนื้อนุ่ม สมราคา ประมาณ 60 บาทค่ะ เจอของดีต้องบอกต่อ บรรยากาศดี แบบบ้านๆค่ะ เหมือนนั่งทานที่สวนหน้าบ้านตัวเอง ด้านข้างเป็นที่นั่งพิเศษที่นั่งห้อยแกว่งขาไปมาได้ริมคลอง แต่น้ำในคลอดเหือดและเน่านิดๆอ่ะ แต่พอรับได้ค่ะ ปล. ไม่มีรูปนะคะ วันนั้นไม่ได้ติดกล้องไป แต่ถ้าข้ามเรือข้ามฟากจากวัดสนามเหนือไปแล้ว เดินไปทางซ้าย พอลงสะพานก็จะเจอร้านแรกเลย คุณคงจะได้ยินเสียงเพลงแจ๊สแว่วมาแต่ไกลแล้วหล่ะ

ซุปเปอร์มาร์เก็ตอาหารในดวงใจ Trader Joe's


ชอบมาช้อปอาหารที่นี่ค่ะ ของอร่อย แถมเป็น organic ซะส่วนใหญ่ ราคาก็ปานกลาง แต่ไม่ค่อยมีพวกของใช้นะ คิดว่าหาได้ทั่วๆอเมริกาเลย ของโปรดสุด คือ pasta sauce, เส้น pasta ราคาไม่ถึงเหรียญ, ผักสด ผลไม้, ไก่งวง, rice pudding, ของหวาน ของคาวประเภท frozen ก็คุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผล

โฟมล้างหน้าตัวใหม่ที่ใช้อยู่


เพิ่งซื้อตัวนี้มาได้ไม่นาน ตอนแรกใช้ก็เฉยๆนะ แอบผิดหวัง คือว่าผิวไม่ลื่นแถมยังตึงๆด้วย แต่พอใช้ได้สักพักดูหน้ากระจ่างใสขึ้น ล้างออกก็ง่ายด้วยค่ะ พิจารณากันเอาเอง แต่ถามว่าจะซื้อใช้ต่ออีกไหม คำตอบคือไม่แน่นะ ยังไม่กล้าฟันธง ผลิตภัณฑ์ line นี้ อยากลองใช้ serum กับ mask มากกว่า

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เคยแวะไปปอยเปตกันหรือยัง


ปอยเปต นี่เป็นเมืองหน้าด่านชายแดนเขมรที่ติดกับอำเภออรัญประเทศของจังหวัดสระแก้ว เมืองนี้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะเป็นเมืองคาสิโน ดูเผินๆเหมือนลาสเวกัส ที่แบบโทรมๆ ร้อนๆ หน่อยๆ แต่ราคาผิดกันมาก เครื่องเล่นก็มีทุกประเภทเหมือนกัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทย แต่พนักงานเป็นคนเขมรที่พูดภาษาไทยได้ปร๋อ ตามโรงแรมก็เปิดทีวีดูละครไทยกันค่ะ ถึงจะสู้เวกัสไม่ค่อยได้ แต่ก็ดีมากๆ เขมรทำได้ ทำไมไทยจะทำไม่ได้นะเนี่ย เงินทองจะได้ไหลมาจากฝั่งเขามาฝั่งเราบ้าง นักเล่นเขาให้ชื่อปอยเปตว่าเป็นสวรรค์ของนักเล่นในแถบนี้ เพราะคุณจะทำอะไรก็ได้ จะเล่นไปกินไป เอาอาหารมากินขณะเล่น ที่ไหนจะทำได้แบบนี้อีกคะ เรียกได้ว่า เล่นกันจนหมดตัว ยังไม่ได้ลุกไปไหนเลย ถามหาน้ำ น้ำก็มาเสิร์ฟถึงปาก กระเป๋าแบน แต่อิ่มท้อง กลับบ้านกันไปแบบงงๆ โถ การพนัน ยังทำให้คุณงงได้อีกคะ
แต่ละโรงแรมก็มี buffet เหมือนกันและราคาต่อหัวแสนถูก เราไปทานบุฟเฟ่ท์อาหารญี่ปุ่น แบบงงๆแต่อร่อยเหาะ ที่โรงแรม Holiday Palace มั้ง เป็นญี่ปุ่น ปน เกาหลี ปนไทย ปนทุกชาติในโลก

แหล่งช็อปปิ้งใกล้เคียงคือ ตลาดโรงเกลือฝั่งประเทศไทย ขายสินค้ามือสอง ใครๆเขาไปได้ของมามากมายคึกคัก เราไปมาแปดเก้าเที่ยวเดินจนตัวดำ กลับไม่ค่อยได้ไรเลย ใครๆเขาว่าเป็นสวรรค์ของนักช็อป ที่ราคาถูกแสนถูก เหมือนมางมเข็มในมหาสมุทร หลายคนก็เจอเพชรน้ำงาม สินค้าดี ราคาเหมือนได้เปล่าติดมือกลับไปค่ะ แต่เราไม่มีพรสวรรค์ในการเลือก เลยไม่ค่อยได้อะไร แต่เดี๋ยวนี้เขามีรถกอล์ฟบริการให้เช่า ให้คุณทุ่นแรงขา สะสมไว้ไปครุ้ยซิ่งสินค้าค่ะ

นานๆ อาหารจีนที


ไม่ค่อยจะโปรดเมนูจีนๆ (ไม่เหมือนเพื่อนฝูงบางคน แอบ แซวคนที่ชอบทานต้ม ตุ๋น ต้ม ตุ๋น) แต่ถ้าได้ไปทาน ก็ไม่ยอมพลาดที่จะสั่ง กุ้งทอดครีมสลัด บางร้านก็ใช้ชื่ออื่นนะ แล้วก็เป็ดปักกิ่ง เนื้อเป็ดต้องมาทำเมี่ยงเท่านั้น เอ แต่แฟนบอก เอามาทอดพริกเกลือก็อร่อยนะ

ร้านน้ำหวานที่ Isetan


หลังจากมื้ออาหารหนักๆ ถ้าอยากหาที่เงียบๆ ทานอะไรเย็นๆ เบาๆ แวะมาที่ชั้น5 หน้าซุปเปอร์อิเซตันสิ มีร้านน้ำหวานสไตล์ญี่ปุ่น กับเมนูจิ้มลิ้ม เช่น ถั่วแดงเย็น ชาเขียว กาแฟ อะไรเทือกนี้ ดูพื้นๆนะ แต่อร่อยชะมัดเลย สนนราคาก็ไม่แพงเลยนะ บรรยากาศก็เงียบดีด้วย แต่จำชื่อร้านไม่ได้อ่ะค่ะ ในรูปนี่น้องชายนะคะ ชื่อ แมงมุม

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"Lombard" the crookedest street in SF

คยอยากไปมาก อุตส่าห์ดั้นด้นเดินขึ้นเนินไปสามควายเหนื่อย สวยดีนะ แต่มีแค่เนี้ย

ยังคงพาชม San Fran อยู่นะคะ

ทานอาหารเช้าที่ร้าน Sear's สุดยอด




ร้านนี้ขายอาหารเช้าอยู่ใกล้ย่าน Union Square ใน san Francisco เมนูสุดยอด คือ แพนเค้ก ออมเล็ต กะ Egg Benedict


บทนำ

เคยเกิดอาการเหล่านี้กับคุณบ้างไหม เกลียดวันวาเลนไทน์ ไม่ชอบเห็นหนุ่มสาวเดินจูงมือกันตามห้าง เวลาเห็นเพื่อนสาวควงมากับหนุ่มหล่อ พ่อรวย เรามักแอบหวังว่า พ่อหนุ่มคนนั้นต้องมีข้อเสียอะไรบ้าง หรือ เขาจะรู้ไหมนะ ว่าเพื่อนเราน่ะ มัน…. สู้เราไม่ได้สักนิด ถ้าคุณมี อาการ ตรงกับ ข้างต้นครบทุกข้อ เรื่องนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอก เราขอแอบแนะนำอย่างสุภาพและหวังดีว่า หนังสือธรรมะ หรือ แนวทางจิตวิทยา อาจจะ เหมาะ กับคุณมากกว่า เพราะเรื่องนี้เหมาะกับสาวโสดที่มีจิตใจงดงามอย่างเราๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงจะเป็นสาวโสด ไม่มีแฟน แต่เราไม่จำเป็นต้องมีหัวใจที่หม่นหมอง บางครั้งเราอาจเบื่อวันวาเลนไทน์ และแอบนึกสะท้อนใจเวลาเห็นหนุ่มสาวเดินพรอดรักกันตามห้าง แต่มันก็แค่รู้สึกจี๊ดๆคันๆตามธรรมดามนุษย์ แต่ไอ้ที่จะให้เราไปนั่งแช่งชักหักกระดูกใคร หรือโดยเฉพาะยิ่งเพื่อนรักแล้ว การหักเหลี่ยมโหดย่อมไม่เกิดขึ้นเป็นแน่ เพราะชีวิตคน ไม่ใช่ละคร ไม่ใช่การ์ตูน ที่ตัวละครร้ายสุดๆจะมากลับใจเป็นคนดีที่โลกยอมรับในภายหลังได้ในชั่วเวลาสองชั่วยาม หรือเพื่อนที่เราฆ่าไปแล้ว จะฟื้นคืนชีพได้ ด้วยน้ำอมฤตวิเศษ เพราะฉะนั้น ทำอะไร เราต้องคิดให้มาก

แล้วทำไม้ทำไม คนดีๆอย่างเรา ถึงยังโสดสนิทได้มาจนทุกวันนี้ พระเจ้า ทำไม ท่านไม่เข้าข้างเดี๊ยนเลย ผู้หญิงร้ายๆหลายคน (ไม่ได้เจาะจงว่าใคร) ทำไมถึงมีผัวกันไปครีกโครม พวกหญิงดีดี เราก็สรรเสริญด้วยที่คุณได้มีคู่สมบูรณืแบบ แต่เดี๊ยนล่ะ วีรสตรีที่โลกลืมหรือไง ทำงานก็เก่ง ไม่จู้จี้ ขี้บ่น รายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ หน้าตาก็อยู่ในข่ายดี ชาติตระกูลการศึกษา ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ทำไมเพชรอย่างเรา ถึงไม่มีผู้ใดมาขุดพบ ชาวบ้านร้านตลาด เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้อง ต่างพากันสรรเสริญถึงความน่ารักน่าฟัดของเรา แต่มิใย เรายังโสด โสดมาจนถึงสามสิบ

อ้อ พูดไปแล้วอาจจะงงกับคำว่าโสด เพราะพวกเราบางคน ก็ไม่เหมาะกับคำว่า โสด ซะทีเดียว เพราะพวกเธอมีหนุ่มๆทั้งน้อยใหญ่ มาคอยวนเวียนแจกขนมจีบล้านปีอยู่เสมอ ตามสำนวนไทยที่ว่า หมาหยอกไก่ บางรายก็หยอกกันมานานนม จนเพื่อนทั้งก๊วนวิวาห์มีลูกกันไปแล้ว คู่เราก็ยังหยอกกันไม่เลิก อีหลอบนี้ ก็ไม่รู้จะโทษใคร บางพวกก็ไม่ได้มีแค่กิ๊ก มีแฟนเลยค่ะคุณ คบกันจริงจัง ญาติผู้ใหญ่รู้จักมักจี่ เพื่อนฝูงยอมรับ รูปสมบัติ ชาติสมบัติ การศึกษา เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก แต่ฝ่ายชายก็ยังไม่เคยเอ่ยปากขอวิวาห์ งานนี้ ก็ไม่รู้แบบไหนจะเก๊กซิมกว่ากัน

สุภาษิตโบราณที่ว่ามาแต่ช้านาน ‘ช้าๆได้พร้าเล่มงาม’ เราก็เชื่อมั่นมาแรมปี แต่พอผ่านร้อน ผ่านหนาว (หมายถึง ฤดู) มานานเข้า เอ ที่เห็นมา มีแต่พวก ‘พบไม้งามเมื่อยามขวามบิ่น’ กันทั้งนั้น ชายหนุ่มที่เหมาะสมเดินมาเข้าทางเรา เราก็ต้องชะตาเขา เขาก็ปิ๊งเราสุดๆ แต่…ดันมีเมียแล้ว ขวานมันบิ่นแบบนี้ เราก็ไม่เอา พวกนี้ชอบทำให้เราต้องครวญเพลงของกบ ทรงสิทธิ์ว่า น่าจะเจอกันมาตั้งนาน ก่อนที่เธอจะเป็นของใคร… ปาฏิหารย์ไม่มีจริง

พวกเราบางคน ความโสดเกิดจากตนเองและ/หรือครอบครัว เลือกมาก ตั้งสเป็คไว้สูง ป๊าม๊าบอกว่าไม่ต้องรีบอาหมวย อั๊วเลี้ยงลื้อได้ คนจะมาชอบลื้อ ถ้าเลี้ยงไม่ได้ดีเท่าอั๊วกะม๊า ลื้ออย่าไปสน เฮ้อ ก็เชื่อมาแบบนี้อยู่ตั้งนาน จากความเชื่อ กลายเป็นความจริง ว่าในโลกนี้ไม่มีใครเลี้ยงเรา รักเราเท่าป๊าม๊า แล้วจะทำไงดีหล่ะทีนี้ เพราะพอสามสิบ ป๊ากะม๊าแกก็เริ่มออกอาการกังวล แต่แกไม่แสดงออกเพราะไม่อยากกลับคำเสีย เดี๋ยวลูกอีจะว่าเอาได้ ก็แสดงออกมาในรูปแบบเทรดดิชั่นแนล คือ พาลูกเพื่อนมาเจอกัน กินโต๊ะแชร์ก็หนีบเราไปด้วย พยายามจะหาคู่ให้เราก็ว่าได้ บางพ่อแม่ก็ไปดูดวง ผูกดวง พวกเราบางคนก็เปลี่ยนชื่อ ดิฉันก็ด้วยคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อเรียกสะมีนะคะ เปลี่ยนเพื่อการงาน เพื่อชีวิตโดยรวมๆค่ะ ไม่เชื่อเหรอ โอเค โอเค เรื่องคู่ด้วยก็ได้ นิดนึง

ว่าถึงเรื่องหมอดู อยากรู้ว่าคนโสดอยากดูดวงหาเนื้อคู่เกิด กับเหล่าบรรดาเมียหลวงแอบดูว่าสามีจะมีเมียน้อยไหม กลุ่มไหนมีจำนวนสูงกว่า ดิฉันว่า เราน่าจะลองทำสถิติดู ถ้าบรรดาท่านหมอดูทั้งหลายให้ความร่วมมือนะ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะตามจรรยาบรรณแพทย์แล้ว จะไม่เปิดเผยอาการของคนไข้ หมอดู เป็นหมอ ประเภทหนึ่ง ก็คงยึดหลักการเดียวกัน แต่ที่แน่ๆก็คือ เชื่อว่า คำถามที่ว่า คุณหมอคะ หนูจะเป็นเนื้อคู่เมื่อไหร่ เนื้อคู่หนูจะเป็นใคร แล้วหนูมีดวงได้แต่งงานไหม สามคำถามนี้ คงติด top ten คำถามยอดฮิตของทุกค่ายหมอดู

ที่สุดของที่สุดแล้ว เราก็คงต้องพึ่งเพื่อนนี่แหละ เห็นเขาว่าสำเร็จมาหลายคู่แล้ว ไม่เชื่อ อย่าลบลู่ บรรดาสาวสวยหนุ่มหล่อคู่ฟ้าเมืองไทยที่ลงเอยกัน เห็นพอถูกคนสัมภาษณ์ถามว่า เจอกันได้ยังไงคะ คำตอบยอดฮิต ก็คือ ‘อ้อ เพื่อนแนะนำค่ะ’ ‘อืม ลิลลี่เป็นเพื่อนของน้องสาวครับ’ ‘เราเจอกันในงานแต่งงานเพื่อนสนิทค่ะ’ ถ้อยความเหล่านี้เราได้ฟังกันมาจนเกือบจะเชื่อว่า เพื่อนนี่แหละ จะพาเราไปเจอเนื้อคู่ เราก็ลงทุนบรรจงแต่งตัวซะ เวลาไปงานเลี้ยงกับเพื่อน งานแต่งเพื่อน โอย แต่ทำไมไม่บังเกิดผลกับเรานะ คิดดูสิ รอบตัวคุณเอาเข้าจริงๆ มีถึงสิบคู่ไหม ที่ได้แต่งงานกับเพื่อนของเพื่อนที่เจอที่งานแต่งงานของเพื่อน เอ้อ พูดเอง ยังงงเองเลย ไอ้ประเภทเพื่อนนัดบอดให้ ก็ทำกันมาแทบจะทุกยุคทุกสมัย แต่วิธีนี้กับเรามันไม่ได้ผลอ่ะ มันไม่คลิ๊ก

ถ้าประเด็นเหล่านี้ ไม่ใช่ แล้วทำไม เราถึงไม่ได้แต่งงานซะที นี่ก็สามสิบแล้วนะ ไม่ได้เดือดร้อน แต่สงสัย อยากรู้ อย่าเข้าใจผิด ดิฉันไม่ได้เดือดร้อนจริงๆ อยู่คนเดียวก็ได้ สบายดีไปอีกแบบ แต่ก็สงสัยอ่ะ เราไม่ดีตรงไหน หรือว่าเราดีเกินไป เอ แล้วทำไมเพื่อนเรามันได้แต่งกันไปเกือบหมดกลุ่มแล้ว เป็นคำถามที่อยากรู้ แต่ไม่อยากถาม…

หวังว่าบทความนี้ แม้จะช่วยให้คุณเจอเนื้อคู่ หรือได้แต่งงานไม่ได้ในเร็ววัน เพระาดิฉันก็ไม่ได้มีพรวิเศษ และถ้ามีก็คงใช้กับตัวเองก่อน แต่หวังว่า มันจะเป็นเพื่อนคุณได้ ขอแอบบอกว่า ยุคสมัยแบบนี้ พวกเราโชคดีขึ้นมาก เศรษฐกิจไม่ค่อยดี การเมืองก็ยุ่งๆ ที่เราไม่ได้แต่งงาน ก็โทษเศรษฐกิจ การเมืองกันไปหล่ะ ไม่รู้เกี่ยวกันตรงไหน แต่ก็โทษๆไปเถอะ คนฟังเค้าเข้าเอง แต่ก็หวังว่า ไม่คุณก็ชั้น เราคงได้บทสรุปที่ลงตัวกับชีวิตในไม่ช้าค่ะ

ขอโพสเรื่องสั้นที่เขียนเองบ้างนะ

"ทำไงดี สามสิบแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน"

ลองอ่านกันดูนะ เรื่องนี้เขียนเมื่อปีที่แล้ว

แต่ปีนี้เรากำลังจะแต่งงานแล้วจ้า :> อิอิ ได้ผลชะมัด

หรือใครชอบอาหารญี่ปุ่น


เราก็ชอบนะ มักจะเลือกทานเป็นอันดับต้นๆ ถ้าออกนอกบ้านนะ

ชอบทาน barbecue กันไหม


อ้อ นี่เพื่อนซี้เราคนหนึ่งมาจากชิลี

นี่ห้องธรรมดาค่ะ The Evason Room