วันพุธที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553

เส้นเอนเจิลแอร์ผัดคอร์นบีฟพริกขี้หนู



ส่วนผสม

เส้นเอนเจิลแฮร์ หรือ spaghettini 1 กำมือเล็ก หรือ 100 gram
corned beef กระป๋อง
broccoli นิดหน่อย หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
น้ำมันมะกอก
พริกขี้หนู 3-5 เม็ด (ตามแต่ศรัทธา)
พริกแห้ง 3 เม็ด
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น (ผงกระเทียม optional)
น้ำมันหอย 1 =ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ต้มเส้นในน้ำเดือด ประมาณ 5 นาที หรือรอจนน้ำเดือดปุดๆอีกที อย่าต้มจนเส้นเละ
2. ผัด corn beef ในกะทะกับน้ำมันมะกอก และ broccoli (ปกติต้องใส่ผักหลังเนื้อสัตว์ใช่ไหม แต่กรณีนี้ corn beef สุกง่ายมาก แต่บรอคโคลี่สุกยากมาก) ผัดจนผัดสุก ใช้ไฟกลาง
3. ใส่เครื่องปรุงที่เหลือลงไปคลุกเคล้า (ใส่พริกขี้หนูและพริกแห้งท้ายสุด)
4. ตักเส้นมาผสมและผัดในกะทะ ใช้ไปอ่อน
5. โรยผักชีซอย (ถ้าชอบ)
6. ตักเสิร์ฟพร้อม parmesan cheese ป่น และ โรยพริกไทยดำป่น มากน้อยตามชอบ

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

เที่ยว LA ก็สนุกได้ ไม่ไปไม่รู้ ภาค 2










สถานที่ต่อไป Little Tokyo Town อ้อ คนท้องถิ่นเขาเรียก J Town นะคะ อยู่ที่ถนน 1st ตัดกับ Los Angeles ถ้านั่ง subway red line ก็ลงที่ Civic Center แล้วเดิน downhill ลงไป 4 blocks หรือเลือกนั่งรถเมล์คันใดก็ได้ที่ผ่าน อาศัยเขาลงไปเพื่อประหยัดขา อย่าลืมลงก็แล้วกันค่ะ หรือถ้ามาจาก Farmer's Market ก็แนะนำให้ขึ้นรถเมล์มาดีกว่านะ ใช้เวลาเดินทางเท่ากันกับคุณขึ้น subway แต่รถเมล์มันจอดหน้า Little Tokyo Town เลย ไม่ต้องเดินเมื่อยน่อง แต่ต้องต่อสองสายนะ ไม่ยากเลย (กล้าๆกันหน่อยนะ) จากด้านหลัง Farmer's Market ข้ามถนนไปขึ้นสาย 16 หรือ 316 ปลายทาง Downtown ลงที่ป้ายถนน 6th ตัดกับ Broadway จากนั้นข้ามถนนไปอีกฝั่งที่ทะแยงมุมกันกับป้ายที่คุณลง (สังเกตหรือถามคนแถวนั้นก็ได้) เพื่อขึ้นสาย 30 หรือ 31 ปลายทาง East LA College ลงที่ถนน 1st ตัดกับถนน Los Angeles มันที่ J Town พอดีเลย ว่าแต่มีอะไรดีที่นั่น ก็ร้านอาหาร ร้านค้าของญี่ปุ่นๆ มี jiggler บ้าง (คนมาโชว์ความสามารถกันแบบเปิดหมวก) อาหารก็รสชาติแท้ คนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษชัดแจ๋ว (เพราะเกิดที่นี่ หรือ อยู่มานาน) เดินทานดังโงะเสียบไม้ ซื้อซานริโอ้ แวะดูหนังสือหรือเครื่องเขียนที่ Kinokuniya ช้อปของที่ซุปเปอร์ญี่ปุ่นใหญ่สองร้าน Nijiya หรือ Marukai ทานซูชิ ชาบู หรือ ขนมอบ ไอสกรีมแบบญี่ปุ่นที่ Yamasaki และ ร้านอื่นๆ ทาน Ramen ร้อนๆ หรือ ทาน Yakiniku ปิ้งย่างแบบ all you can eat ร้านข้าวหน้าแกงกะหรี่ก็มีนะคะ

เคยแนะนำ Thai Town นิดๆหน่อยๆ ไปแล้วในตอนย่อยเกี่ยวกับร้านอาหารไทยในแอลเอ แต่จะพูดถึงภาพรวมในตอนนี้หน่อย รู้ค่ะว่าถ้าคุณเพิ่งมาจากเมืองไทยก็คงไม่ใคร่จะสนใจมาเที่ยวชมไทยทาวน์ แต่ถ้าคิดถึงว่าวันนี้อยู่แอลเอ อยากกินอะไรไทยๆ ไม่แพง ก็แวะไปทานสักหน่อย get to know Thai people in LA สักนิดจะเป็นไร วิธีไปแสนง่ายดาย ขึ้นกับว่าขณะนั้นคุณเที่ยวอยู่ที่ไหน ก็นั่งรถโดยสารแบบเดิมกลับมาที่ถนน Hollywood ตัดกับ Western น่ะค่ะ เช่น จาก Farmer's Market ก็นั่ง 217 มาลงที่หน้าสถานที subwayนี้ หรือถ้ามาจาก Universal Studio ก็นั่ง subway red line จากที่เดิม เลือกปลายทาง Union Station มาลงที่ Hollywood and Western แค่สามสี่ป้ายเอง ไม่เกินสิบนาทีค่ะ ที่ไทยทาวน์นี้ มีร้านอาหารไทยมากมาย ทั้งที่เน้นขายคนไทยและที่เน้นขายฝรั่ง อันนี้พูดถึงรสชาติและ target customers เป็นหลัก ไม่ใช่ว่าคุณห้ามเข้าร้านนั้นร้านนี้ ไปร้านไหนก็อร่อยได้หมดค่ะ ขอแนะนำพิเศษสักสามสี่ร้านในย่านนั้นนะคะ 1. ร้านอ๊อด ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ดิฉันยังหาร้านที่จะมาล้มแชมป์ทางด้านก๋วยเตี๋ยวอย่างอ๊อดไม่ได้เลย แนะนำ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำพิษณุโลก เย็นตาโฟ ข้าวนี่ก็ต้องเป็นคะน้าน้ำมันหอยราดข้าว หรือ กะเพราหมูกรอบ ผัดไทย ก็รสชาติเข้มข้นค่ะ 2. ร้านรสเด็ด ร้านนี้เก่าแก่ อร่อยมาตรฐาน เมนูกลากหลายมากๆ สั่งเลยอร่อยทุกอย่าง เช่น ราดหน้าหมูหมัก กะเพราเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวขาหมู กะเพราขาหมู ห้อยจ๊อ ลูกชิ้นกุ้งทอด ไข่ยัดไส้ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากกกกกก 3. ร้านเรือนแพ ขายอาหารตามสั่ง ประเภทแซ่บๆจะโดดเด่นเป็นพิเศษ เช่น กุ้งปช่น้ำปลา ส้มตำปูม้า 4. ร้านกานดา มีทั้งส่วนเหมือนร้านข้าวแกง คือ มีทำไว้แล้วให้เราเดินเลือกชม และสั่งตกราดข้าว ราคาเป็นกันเองเหลือเกิน ข้าวราดกับสองอย่าง $5.50 เองค่ะ อร่อยซะ แถมมีรายการอาหารตามสั่งด้วย มีขนทหวานขายให้ซื้อกลับไปทานต่อได้อีกด้วย ครบวงจรค่ะ

เที่ยว LA ก็สนุกได้ ไม่ไปไม่รู้











ดิฉันขอนำเสนอแผนการท่องเที่ยวนครลอสแองเจอลิส หรือ LA นั่นเอง หลายคนยี้ LA ด้วยหาว่า ไม่ศิวิไลท์เท่าเมืองอื่นในอเมริกา อาจจะด้วยตึกรามสิ่งก่อสร้างไม่สวยงามบ้าง ผู้คนมากหน้าหลายตาหลากหลายเชื้อชาติดูไม่ westernized บ้าง หรือจะด้วยสภาพอากาศที่แดดจ้าเสียส่วนใหญ่ ไม่ให้อารมณ์เมืองนอก หรืออะไรอีกต่างๆนานา ดิฉันเองด้วยความที่พำนักอยู่ใกล้แอลเอเสียเหลือเกิน (ขับรถประมาณ 1.30 ชั่วโมงจากซานตา บาร์บาร่า) ก็เหมือนจะใกล้เกลือกินด่าง ทั้งที่ไปแอลเอแทบจะทุกสัปดาห์ แต่มุ่งหมายไปทานและซื้ออาหารไทยที่ไทยทาวน์ หรือถ้ามีเพื่อนฝูงมาก็พาไป Universal Studio บ้าง The Walk of Fame บ้างก็เท่านั้น

แต่คราวนี้ดิฉันจะพาเที่ยวแอลเอแบบ full-option กว่าที่ผ่านๆมา ให้เห็นว่า แอลเอก็มีที่เที่ยวเยอะ ตึกรามบ้านช่องอาจไม่สวยงามเท่าชิคาโก ภูมิทัศน์อาจสู้ San Francisco ไม่ได้ แต่แอลเอ ก็มีอะไรให้ทำ ให้ดู ให้กิน มากมาย ไม่แพ้กันค่ะ

เริ่มด้วย The must see ก่อนนะ แน่นอน เราต้องแวะมาดู The Walk of Fame, Kodak Theater, Chinese Theater ซึ่งอยู่ในย่านเดียวกัน เราคงได้เคยเห็นภาพสามสถานที่นี้มาบ้าง โดยเฉพาะจากงานแจกรางวัล The Oscar ถนนดวงดาวที่เป็นชื่อดาราฮอลลีวูด สถานที่ที่ดาราเดินพรมแดงเพื่อเข้าสู่โถงแจกรางวัล มันคือตรงนี้เลย ย่านนี้เขาเรียกว่า Hollywood and Highland ถ้ามาจาก LAX ก็นั่ง Flyaway Bus มาลง Union Station ค่ารถ $7 ประมาณ 30-45 นาทีจากสนามบิน จากนั่นต่อ Subway Red Line ปลายทาง North Hollywood เพื่อมาลง Hollywood and Highland ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าคุณคิดจะเที่ยวทั้งวัน เราแนะนำให้ซื้อ Day Pass ราคา $5 (ราคาต่อเที่ยว $1.25) เพราะสามารถใช้ขึ้นรถเมล์ได้ด้วยในหนึ่งวัน

ถ้าจะไป Universal Studio ก็ขึ้น Subway Red Line จาก Union Station ปลายทาง North Hollywood ลงที่ Universal City จากนั้นข้ามถนนไปรอขึ้น free shuttle bus ของ Universal Studio ที่มาทุกๆสิบห้านาที เราอยากแนะนำให้ไปจันทร์-พฤหัส เพราะคนน้อยกว่า ไม่ต้องต่อคิวเครื่องเล่นนาน ซื้อบัตรเข้าจากเว็บไซส์ของเขาจะถูกกว่าประมาณ $10 ต่อคน ถ้ามาบ่อยซื้อตั๋วปีเลยก็ได้ แพงกว่าตํ่ววันเดียวแค่ไม่ถึงยี่สิบเหรียญ ก่อนถึงหน้าสวนสนุกมันก็จะมี Universal Citywalk เป็นเหมือนร้านรวงต่างๆให้เดินเล่น บริเวณนี้เดินฟรี สนุกสนาน มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมากมาย อ้อ มีคนถามว่าทัวร์นี้ผู้สูงอายุไปได้ไหม เราเคยพาคุณแม่อายุ 70 ไปเที่ยว ท่านชอบมาก และบอกว่าคุ้ม แม่ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไรเลย (แน่นอนล่ะ) แต่ได้เดินถ่ายรูปกับฉากสวยงาม ตัวการ์ตูนที่เดินไปมา เช่น Shrek และได้นั่งรถ tram เข้าไปดูโรงถ่ายหนัง ดู special effect ต่างๆ แม่ก็สนุกมาก และไม่เหนื่อยเกินไป แต่ก็ต้องดูที่ตัวท่านนะคะ ถ้าท่าผู้สูงอายุที่พาไปไม่ได้มีความสนใจหนังฝรั่งเลย ไม่รู้จักดาราฝรั่งเลย ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินพาท่านไปทัวร์นี้ ไปที่อื่นจะคุ้มเงินกว่าค่ะ หรือเดินแค่ Citywalk ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเข้าไปก็พอค่ะ

ต่อมา มีให้เลือกระหว่าง Beverly Center กับ The Grove/ Farmer's Market ที่แรกเป็นห้างใหญ่มาก เหมือน Siam Paragon สามอันมารวมกัน แต่เราไม่ค่อยชอบ เพราะมันก็ห้างอ่ะนะ จะใหญ่ไป เราก็ซื้อแต่ยี่ห้อเดิมๆซะส่วนใหญ่ เดินไม่นานก็เมื่อย แต่ที่นั่นมีร้านบุฟเฟท์อาหารญี่ปุ่นร้านดัง ชื่อ Tokai นะ อร่อยกว่าโออิชิที่เมืองไทยค่ะ ราคามื้อกลางวันประมาณ $16 มื้อเย็น $28 อ้อ วิธีไปขึ้นรถเมล์ Dash สาย A จากหน้า Hollywood and Highland ไปลงที่หน้าห้างเลยค่ะ ไม่มีพลาดแน่ ห้างใหญ่ซะขนาดนั้น ค่ารถเมล์พิเศษนี้คนละ $0.50

แต่เราชอบ The Grove/ Farmer's Market มากว่า มันเป็น outdoor mall ที่สวยหรูอยู่ใกล้ๆ Beverly Hills และ UCLA สว่นของ The Grove จะหรูๆ สวยๆ มีโรงหนัง มีร้านอาหารหรูมากๆ มีร้านเสื้อผ้าทั่วไป เช่น Gap, Abercrombie, Zara, Anthropology, Victoria Secret และอื่นๆ มีห้าง Nordstrom มี ร้าน franchise ต่างๆ ขายของแทบทุกประเภท ติดกับ The Grove ทางด้านหลังคือ Farmer's Market เป็นเหมือนตลาดนัดขายอาหาร ของกิน ของสด คุณภาพดี ราคา(ไม่)ถูก แบบเจ้าของฟาร์มมาเปิดเอง เป็นแบบ against ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ อะไรแบบนี้ คือ สนับสนุนต้นตอ ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง (สักเท่าไหร่มั้ง) น่าสนใจค่ะ เดินสนุก สบายๆ กินๆๆๆๆ อ้อ วิธีไป ก็ขึ้นรถเมล์สาย 270 ปลายทาง Fairfex ได้จากหน้า subway red line station ทั้งสามจุดคือ Hollywood and Highland, Hollywood and Western, Hollywood and Vine ประมาณ 40 นาที ไปลงที่ถนน 3rd ตัดกับ Fairfex ไม่ยากค่ะ ลงไปจะเจอด้านหลังของ Farmer's Market พอดี ก็เดินขึ้นๆไปเรื่อยๆจนเจอ The Grove

ขอพักตรงนี้ก่อน ต่อตอนต่อไปนะคะ แค่นี้ก็หมดวันแล้ว