วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

เที่ยวเขาใหญ่กลิ่นอาย Tuscani











ตั้งแต่ facebook เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่คนไทย การท่องเที่ยวแบบ "เพื่อไปถ่ายรูป" ก็เป็นที่นิยมมากขึ้นๆ ทำให้นักธุรกิจหลายกลุ่มพยายามสนอง need การไปเที่ยวเพื่อหาที่ถ่ายรูปของหนุ่มสาวชาวไทยยุค social network ตัวอย่างเช่น Primo Posto, Segundo Posto และสถานที่ใหม่ในรูปนี้คือ Palio at Khaoyai ร้านรวงต่างๆถูกจัดแต่งอย่างน่ารัก แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นขายของกันสักเท่าไหร่ คนมาก็ไม่ได้เน้นมาช็อปปิ้ง แต่ทุกคนเน้นมาหามุมสวยๆถ่ายรูป ต้องยอมรับว่า เจ้าของเขาทำได้สวยจริงๆค่ะ มันดูเหมือนเดินอยู่ยุโรป (ถ้าไม่นับแดด และอากาศที่ร้อนเหลือเกิน) ไปวันเสาร์-อาทิตย์ แทบจะไม่มีที่ว่างให้ได้ถ่ายรูป แต่ละทีมที่มาก็เตรียมตัวพร้อมกันน่าดู แต่งตัวกันได้เหมือนไปถ่ายแบบ และตั้งอกตั้งใจมาเพื่อถ่ายรูปกันเหมือนมางานรับปริญญาเพื่อน เฮฮากันไปอีกแบบค่ะ แต่ก็ขอเตือนว่า อุหนุนร้านค้าเขาบ้าง อะไรบ้างนะคะ ไม่งั้นร้านรวงเจ๋งหมด แล้วจะเอาที่ไหนไว้ถ่ายรูปกันล่ะเนี่ย
อ้อ ที่ Palio นี้มี inn เล็กๆแทรกตัวอยู่ด้วยนะ สำหรับคนที่อยากมาพักใจกลาง... จะว่าไงดี ความสงบก็คงไม่ใช่ นอกจาเวลากลางคืน จะว่าความสวยงาม...ก็ได้นะ ถ้าชอบแนวนี้มากๆ แต่ภายในห้องพัก จัดสวยนะคะ มีตะกร้าของว่างไว้ให้ทานเล่นได้ตลอดวัน ราคาห้องคืนละประมาณ 2,900 บาท ไม่รวมอาหารเช้า

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

ตระเวนร้านน้ำชา-กาแฟทั่วเชียงใหม่ สนองใจตัวเอง 3











ร้านที่ 4 นี้ไม่เชิงว่าเป็นร้านน้ำชา-กาแฟ แต่เป็นร้านขนมแสนน่ารักชื่อ Mont Blanc "มองบลังค์" อยู่ปากซอยนิมมาน 9 ร้านใหญ่โตเป็นตึกสีขาวสะดุดตา ภายในตกแต่งแบบโมเดิร์น ตู้ขนมโชว์ขนมหน้าตาสีสันสวยงามชวนลิ้มลองไปซะทุกชิ้น สนนราคาก็น่ารัก ชิ้นหนึ่งไม่เกิน 45-85 บาท ราคาเบาๆแบบนี้มิน่าเล่า จึงเห็นบรรดาวัยรุ่นเชียงใหม่แวะเวียนมาชิมขนมกันไม่เคยขาดสาย สำหรับรสชาติหลังจากที่ได้ลองสั่งมาทานสองสามรายการถือว่าใช้ได้ แม้ว่าจะยังไม่ถึงนมเนยเท่าขนมของร้าน patisserie ฝรั่งเศสดังๆในกนรุงเทพฯ แต่ก็ถือว่าใช้ได้เชียวละด้วยราคาแบบนี้
ตรงข้ามร้าน Mont Blanc เป็นกิจการร้าน "ไมโลดิบ" ที่ใหญ่มาก ดิฉันอยากเข้าไปลองชิมดูสักหน่อย เพราะนอกจากร้านนี้ก็มีร้านไมโลดิบเปิดขายทั่วเชียงใหม่เลย แต่คุณสะมีห้ามไว้ เพราะเขาชิมมาทั่งวันจัดมาหนัก เขาบอกว่า "เธอนี่ของแพงก็จะกิน ของถูกก็จะกิน พี่ไม่ไหวแล้วนะ" เราก็เลยต้องจอด ก็ฝากเพื่อนๆที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ชิมให้ด้วยนะ แล้วมาบอกว่าอร่อยมากน้อยขนาดไหน เราขอเดาว่าคงเป็นประเภทน้ำปั่นที่โปะผงไมโลเป็น topping แต่มันน่าจะมีอะไรที่สนุกสนานกว่านั้นในร้านนะ ก็ฝากชิมด้วยละกันค่า

แอ่วเจียงใหม่กะสามี มีแต่เรื่องกิน 2
















เป็นอีกร้านที่ไปถึงแล้ว งง ว่าตกลงขายอะไร เพราะหน้าร้านเป็นบ้านแบบตึกแถว เข้ามาแล้วไม่มีคนบอกทาง ไม่มีป้ายบอกใดๆทั้งสิ้น แต่ได้ยินเสียงกะทะผัดฉ่าฉิ้ง เสียงผู้คนอื้ออึงดังมาจากหลังบ้าน เหมือนผู้คนมารวมตัวกันแอบทำอะไรสักอย่าง พอรวบรวมความกล้าเดินทะลุเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตมาจนถึงประตูหลังเปิดออก จึงเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรมร้านอาหารoutdoor อยู่ที่ corridor หลังบ้าน เหมือนกับว่ามานั่งทานข้าวที่เฉลียงหลังบ้านเพื่อน

ส่วนเรื่องเมนูและความอร่อย ขอเล่าด้วยรูปก่อนนะ ชื่อร้านเลิศรส เดี่ยวจะแวะมาบอกทางไปทีหลัง จำได้แต่ว่า ใกล้วัดคำสิงห์
อาหารอร่อย สด ถูก โอ้ย ไปทานมาสองวันติดอีกเช่นกัน โดยเฉพาะจานง่ายๆ อย่าง ปลาหมึกชุบแป้งทอดกรอบ กับ ถั่วลันเตาผัดกุ้ง สุดยอดให้เก้าดาวเลย

ตระเวนร้านน้ำชา-กาแฟเก๋ทั่วเชียงใหม่ สนองใจตัวเอง 2


ร้านที่สามต้องพูดยาว เพราะไปกินสองวันติด เริ่มจากไม่ชอบ เป็นชอบ และติดหนึบ อยากรู้แล้วใช่ไหม ชื่อร้านแสนน่ารัก "หอมปากหอมคอ" รู้จักร้านนี้จากหนังสือแนะนำ แถมเพื่อนรักยังย้ำว่า เข้าไปสุดซอยนิมมาน 1 มีร้านขนามหวานน่ารัก ที่เขียนว่า Heartmade Patisserie เราก็คาดหวังไว้สูงมาก ซอยนิมมาน 1 นี่ก็ตื้นมากนะ แต่เราหาไม่เจออ่ะ เจอแต่บ้าน แล้วจบเลย แต่ต้องขอบอกว่าร้านนี้เขาดัดแปลงบ้านตัวเองมาเปิดร้าน ด้านหน้าจะเป็น hotel เล็กๆ ชื่อ Casa 2511 ถ้าเจอป้ายบ้านพักนี้ก้เดินทะลุเข้ามาด้านหลังจะเห็นห้องกระจกที่ไม่มีอะไรเลย ทำนองคล้ายห้องนั่งเล่นของบ้านใครเขา แต่ก็คงไม่ใช่ ในร้านจะมีสามีภรรยาวัยรุ่นเจ้าของร้าน ชื่อคุณชะกับคุณต้น นั่งๆ ยืนๆ เดินๆ เล่นคอมอยู่ คุณอาจจะยังงง เพราะมองเข้าไปก็ไม่เห็นขนมนมเนยโชว์ไว้สักนิด ลองเข้าไปเถอะค่ะ แล้วจะงงยิ่งกว่า และถามตัวเองว่า เขาขายอะไร หรือ เขาจะขายของไหมเนี่ย เมนูก็เขียนใส่กระดานดำไว้มั้งถ้าจำไม่ผิด ในร้านมีกลิ่นขนมกะโกโก้หอมอบอวน แต่ก็ยังมองหาของที่จะข่ายไม่เจอ ดิฉันเลยตัดสินใจถามว่า ขายอะไรคะที่นี่ เจ้าของร้านผู้หญิงอัธยาศัยน่ารักมากๆ บอกให้รู้ว่า ขายโก้โก้ร้อน-เย็น บราวนี่ กล้วยหอมทอดซอสส้ม สามีดิฉันบอกว่า เอามาทุกอย่างเลยครับ (ใจปล้ำนะพี่) แต่ก็ถามว่าแล้วของอยู่ที่ไหนครับ เจ้าของร้านคนเดิมบอกว่า เดี๋ยวทำเลยค่ะ เราสองคนงงมาก อ้อ คนเชียงใหม่ จังหวะชีวิตเรียบง่าย จะขายของก็ไม่ต้องทำโชว์ไว้ เดี๋ยวจะไม่สด สั่งเดี๋ยวนั้น ทำเดี๋ยวนี้ แต่ไม่นานมาก ดิฉันก็ได้ โกโก้เย็นมาทานก่อน เห็นแล้วช็อคอ่ะ แก้วเล้ก ข้นมาก เหมือนจะเป็น muesli โกโก้มากกว่าเครื่องดื่ม เสิร์ฟมากับก้อน coco freeze มันคือ โก้โก้แบบเดียวกันนี้เอาไปแช่แข็ง ทำเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็ง ดื่มไปอึกแรก จุกมาก โกโก้จุกอก บอกไม่ถูกว่าชอบไหม รู้แต่ว่าหยุดดื่มไม่ได้ และก็หยุดแทะก้อน coco freeze ไม่ได้ด้วย หมดแก้วแล้วก็อยากจะสั่งช็อตต่อช็อต

ส่วนสามีได้โกโก็ร้อนมาทาน อร่อยมากอีกเช่นกัน เขาชอบมาก ไม่หวาน แต่เข้มข้น คนที่ไม่ชอบโกโก้คงไม่ต้องมา เพราะจะถอยทัพไม่ทัน แต่คนไหนที่เป็น cocomania ขอให้จงมาเถิด กลับไปนอนละเมอที่โรงแรมแน่นอน
กล้วยหอมทอดซอสส้ม ก็ดูง่ายมากนะ แอบสบประมาทว่า เฮ้ย ชั้นก็ทำได้นะแบบนี้ แต่อร่อยค่ะ อร่อยแบบชั้นคงทำไม่ได้อ่ะ ข้าน้อยขอคารวะ
และแล้วบราวนี่อุ่นร้อนก็มาเสิร์ฟ เป็นบราวนี่หนึบแฉะแบบที่เราชอบ หอม อร่อย ไม่หวานมาก ชอบเลยแหละ แต่เมื่อเราสองคนโดนโกโก้ร้อน-เย็น ตัดกำลังไปเสียแล้ว บราวนี่จากนี้จึงดูจะมากเกินไปที่จะรับประทาน
ระหว่างทานก็ได้มีการพูดคุยกัน เจ้าของร้านก็แนะนำที่ทานร้านอื่นๆอีก อัธยาศัยดีมากเลยล่ะค่ะ ทานเสร็จจะจ่ายตังค์ เจ้าของร้านไม่มีเงินทอน เลยบอกเราว่า ไว้ค่อยมาจ่าย ทั้งที่รู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว เฮ้ย ไว้ใจกันขนาดนี้เลย แต่เราก็ไม่ยอมอ่ะนะ เลยให้ตังค์เขาไว้แล้วค่อยไปเอาตังค์ทอนพรุ่งนี้ หาเรื่องชวนแฟนมากินต่ออีกรอบก่อนกลับกรุงเทพฯ


ตระเวนร้านน้ำชา-กาแฟเก๋ทั่วเชียงใหม่ สนองใจตัวเอง














ร้านแรกเป็นร้านน้ำชาสีสันสวยงาม ชื่อ เวียงจูมออน ภายนอกเป็นอาคารสีชมพู ภายในตกแต่งแบบอินเดีย นัยว่าเจ้าของเคยไปเที่ยวเมือง Jaipur (ชัยปุระ) ที่อินเดียที่เป็นนครสีชมพูแล้วติดอกติดใจ กลับมาสร้างสรรค์ร้าน tea room แบบผู้ดีอังกฤษ เชื้อสายอินตะละเดีย ชาที่ร้านนี้หลากหลายมาก ภาชนะที่จัดเสิร์ฟเป็นเครื่องเงินและเซรามิก สวยนะ ชาหอมแต่สำหรับเราคิดว่า ความหอมของชาไม่คงทน รสชาติที่ของน้ำชาไม่ติดที่ปลายลิ้น สรุกว่า น้ำชาไม่ได้มีอะไรพิเศษสำหรัยเรา แต่บรรยากาศดีมากๆ ยกเว้นเสียแต่จะมีโต๊ะข้างๆที่คุยกันเสียงดังจนเกินไปเหมอืนตอนที่เราไปเจอมา ร้านนี้เปิดบริการสองชั้น และมี afternoon tea set ในราคาไม่แพงมาก จำไม่ได้แม่น แต่น่าจะไม่เกิน 400 บาท


ร้านที่สองชื่อ Fern Forest Cafe แฟนเราสิ อยากไปเหลือเกิน ทำตัวเป็ฯคนรักธรรมชาติ ร้านอยู่ในซอยลึก หายาก แต่ป้ายบอกทางก็ใหญ่โตอยู่นะ ที่จอดรถไม่มีต้องแอบๆจอดริมถนนในซอย กาแฟ ชา ขนมอบเป็นโฮมเมด ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ก็ไม่เลว ราคาดี แก้วละ 40 บาท แต่มันเป็นร้าน outdoor ถ้าไปหน้าหนาวคงวิเศษมาก แต่เราดันไปหน้าร้อนซะงั้น


แอ่วเจียงใหม่กะสามี มีแต่เรื่องกิน




สวัสดีค่ะเพื่อนๆ pamchoice หายไปนานม๊าก ไม่ได้มีเวลามาอัพเดทค่ะ ภารกิจรัดตัวเหลือเกิน แต่ปีที่ผ่านมาก็ได้ไปเที่ยว ไปกิน มาหลายที่นะคะ ขอเริ่มจากทริปเชียงใหม่สามวันยี่สิบมื้อของเรากะแฟนนะ เราสองคนเคยไปเชียงใหม่กันหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่มีการทัวร์ไหว้พระเก้าวัด หรือขึ้นดอยใดๆทั้งสิ้น เน้นกินและเยี่ยมหลินปิง ฮ่าๆๆๆ ตั้งแต่เริ่มทริปก็แวะกินอาหารเหนือรสชาติพื้นบ้าน บรรยากาศทันสมัยที่ร้าน ต๋อง ซอยนิมมานเหมินทร์ 9 ก่อนนะคะ ออร์เดิฟเมืองที่มีของกินเล่นล้านนานั่นนิดนี่หน่อย เป็นจานเรียกน้ำยอ่ย และเตรียมความพร้อมก่อนเจออาหารเหนือชุดใหญ่ที่สามีผู้อ้างว่าตนมีเชื้อคนเหนือ เพราะพ่อเกิดที่จังหวัดตาก (แต่ท่านก็ย้ายออกมาตั้งแต่เก้าขวบ) เลยชอบรสชาติอาหารแบบนี้ พ่อคุณสั่งมาเจ็ดจาน แต่ละจานล้วนมีชื่อเป็น dialect เหนือเอาเสียมากมาก เราตื่นเต้นนะแต่แอบกลัวเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนกินยาก แต่ปรากฏว่าทุกอย่างอร่อยหมดค่ะ อย่างเช่น จิ้นทอด ฟังดูแปลกเหมือนเป็นชื่อแมลงอะไรสักอย่างใช่ไหม แฟนเราก็ไม่ยอมแปล ทำให้เรานั่งกังวลจนเด็กเสิร์ฟเอาหมูสามชั้นทอดกรอบมาวางไว้ให้แล้วบอกว่า จิ้นทอดครับ เราถึงได้ถึงบางอ้อ เฮ้อ โล่งใจ ต่อด้วยแกงฮังเลที่รสชาติจัดจ้านแต่กลมกล่อม หมูให้มาแบบ lean lean อร่อยมากจริงๆค่ะ แล้วก็ยังมีอีกสารพัดจานที่เราจำชื่อไม่ได้นะ ขอโทษด้วย ดูรูปเอาละกัน