วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

TOKAI บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่น อร่อยล้ำๆ เยอะสุดๆ


ไม่อยากบรรยายมาก เอาเป็นว่า แพงนะหัวละ 499++ ไม่รวมเครื่องดื่ม แต่คุ้มค่ะ เมนูมีแทบทุกอย่าง คล้ายยกรายการมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง แถมอร่อยทุกรายการด้วย โดยเฉพาะ เสต็กเนื้อกะทะร้อน หอมเนย เนื้อไม่เหนียว เคี้ยวละมุน หวืดหาย หวืดหาย ต้องสั่งใหม่มาอีก 3-4 จาน ซาชิมิก็สดและอร่อยมาก รายการ handroll ก็อร่อย สาหร่ายที่ห่อมากรอบ ไส้เยอะได้ใจ สลัดแซลมอนก็ได้น้ำสลัดไม่เลี่ยน ทานไปได้เรื่อยๆ ยังมีรายการอื่นๆอีก เช่น ซุปกิมจิ (ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อย แต่อร่อยค่ะ) กุ้งทอดเทมปุระ โซบะที่น้ำซุปเข้มข้นมาก มีไข้ต้มยางมะตูมแนมมาด้วย แล้วอะไรอีกน้า เอ่ยมาเหอะ มีหมดแหละค่ะ อ้อ ยำสาหร่ายก็มีนะ สถานที่เหรอ อยู่อาคารประสานมิตร ที่ตั้งเดียวกับร้านโชคชัยเสต็กเฮ้าส์นั่นแหละ ซอยสุขุมวิท 23

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

นอนไม่หลับ ทำไงได้บ้าง




หลากหลายวิธีเลยค่ะ ตั้งแต่นับแกะ ไปจนทานยานอนหลับ อ้อ เรียกว่า ยาช่วยให้หลับดีกว่า ที่อเมริกา เขาเรียกว่า Sleeping aid pills มีหลากหลายยี่ห้อ ทั้งของ Tilenol หรือ generic brands ของร้านขายยาต่างๆที่เขาปรุงมาขายราคาถูกกว่า เราเคยใช้เหมือนกัน แต่ไม่แนะนำ เพราะถึงแม้กล่องจะบอกว่า ไม่ติด และ รับรองตื่นขึ้นมาสดชื่น ไม่ซบเซา แต่เราติดนะ แบบว่า ถ้าไม่ทาน ก็หลับเองได้ยากมาก แต่ยาพวกนี้อันตรายน้อยกว่ายานอนหลับอย่างแน่นอน เพราะไม่น่าจะมีฤทธิ์กล่อมประสาท มีแต่ทำให้แขนขาหมดแรง ง่วงไปเท่านั้น

เคยมีช่วงที่ใช้ยาแก้แพ้ เภสัชกรแนะนำว่า พวกนักบิน แอร์โฮสเตส นิยมใช้ ชื่อยา Ativan ขนาด 10 mg ทาน ครึ่ง หรือ หนึ่งเม้ด ไม่นาน หมดเรี่ยวแรง นี่ก็ไม่แนะนำอีก มันเหมือนกึ่งสลบๆ

สุดท้าย เวลาเดินทางเปลี่ยน time zone มากๆ เราก็พึ่งเจ้านี่แหละ melatonin เห็นว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยปรับ biological time clock ของร่างกาย การทำงานของมันคือ พอทานปุ๊บ มันจะไปบอกร่างกายว่า "ถึงเวลานอนแล้ว ง่วงสิ" เราก็จะง่วงภายใน 30 นาที แต่ไม่ติดนะ พอวันต่อมา เมื่อถึงเวลาเดียวกันนี้ ร่างกายก็จะเตือนตัวเองได้ว่า "ถึงเวลานอนเหมือนเมื่อวานแล้ว ง่วงสิ" บางคน ทานแค่คืนเดียวก็ตั้งเวลาร่างกายตัวเองได้ บางคน 3-5 วัน บางคนอาจนานกว่านั้นหน่อย

แต่ตอนนี้เราหลับเองได้ง่ายสบายมาก หัวถึงหมอนสลบเลย เคล้ดลับคือ ระหว่างวัน active มากๆเลย ทำอะไรก็ทำ เดิน ทำกับข้าว อ่านหนังสือ เดิน และอย่าทาน ชา กาแฟ หลังห้าโมงเย็น เท่านี้แหละ ยาก็ไม่ต้องใช้ แกะก็ไม่ต้องนับ

แนะนำช่างแต่งหน้า-ทำผม สุดยอดฝีมือ
















อันนี้เราอยากโฆษณาให้พี่เขาเอง เพราะฝีมือดีจริงๆ ชื่อพี่น้อง ไปหาพี่เขาได้ที่ร้าน Qi Shiseido Salon สาขา The Emporium พี่เขาทำได้ทั้งทำผมและแต่งหน้า ซึ่งถือว่าสะดวกมาก โดยเฉพาะกับเจ้าสาว เรื่องราคาต้องคุยกับพี่เขาเอง แต่รับรองว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับช่างแต่งหน้าคนอื่นๆ เราเทียบมาหลายเจ้า แต่ขอบอกเคล็ดลับว่า ให้ไปคุยกะพี่เขาเรื่องทรงผม เรื่องสีเครื่องสำอางก่อน แต่ไม่ต้องลองแต่งก่อนวันจริงหรอกนะ เพราะเขาคิดค่าทดลองเกือบเท่าราคาจริงวันงานเลย เชื่อมือเลยว่า เขาแต่งออกมาได้สวยทันที ของเราเน้นแบบธรรมชาติ

พี่เขาเคยแต่งหน้านางงามมาก่อน เคยเป็นช่าง covermark ที่สำคัญนะ รองพื้นที่พี่เขาใช้ ดีสุดๆ ยิ่งหน้ามัน ยิ่งเหงื่อออก หน้ายิ่งใสธรรมชาติ แต่ไม่มีโทรม แถมสเปรย์ฉีดผม ก็สุดยอด ขนาดผมเราวันงานแห้งผากเลย ฉีดสเปรย์นี้ไปผมเงางามสวยจนคนทักอ่ะ โฆษณาแค่นี้นะ เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา ฮ่าๆๆๆ แต่ของดีต้องบอกต่อ คนมีฝีมือต้องสนับสนุน ถ้าไปหาเค้าก็บอกด้วยว่า 'แพมแนะนำมา' เผื่อเขาลดให้นะ

ทานเนื้อทั้งที ต้องที่ Akiyoshi พระโขนง




เกือบลืมพูดถึงร้านเนื้อชาบูร้านโปรด Akiyoshi อะคิโยชิ ที่ตึก Taisin เชิงบันได้รถไฟฟ้าพระโขนง ปากซอย สุขุมวิท 67 เราเป็นลูกค้าประจำร้านนี้มาสามปีแล้ว ถ้าช่วงกลับเมืองไทยก็จะไปตลอดเลย เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้งค่ะ คู่หูคู่กินขาประจำร้านนี้คือ น้องชาย เราเอง ซึ่งมีความสามารถในการรับประทานพอๆกัน แถมยังชอบอาหารแนวเดียวกันด้วยนะ

ร้านนี้มีสินค้า 3 lines คือ บุฟเฟท์สุกี้ญี่ปุ่นหรือชาบูเนื้อ/หมู หัวละ 399++, รายการอาหารปิ้งย่าง และ รายการอาหารญี่ปุ่นตามสั่ง เรามาทีไรก็จะทานแบบแรก และเลือกเป็นสุกี้ แต่สั่งน้ำจิ้มชาบูมาเพิ่มด้วย น้ำสุกี้รสชาติเข้มข้น หอมหวาน พอได้น้ำจิ้มชาบูสูตรเปรี้ยวมาแกล้มก็ได้ใจไปอีกแบบ บางทีเราก็เลือกจิ้มน้ำจิ้มถั่วแบบกลมกล่อม ที่พิเศษสุดของร้านนี้คือ เนื้อสไลด์บางเฉียบแทบละลายในปาก มันช่างสมคุณค่าการกินเนื้อจริงๆ คุณหมอขอให้ลดรายการเนื้อแดงไปบ้างเพื่อลดความดัน แต่ถ้าเป็นเนื้อที่อะคิโยชิถึงไหนถึงกัน ทานไปห้าหกถาด เหมือนล้มวัวไปครึ่งตัว แต่ก็คิดว่าทานไปเถอะคุ้มแล้ว ไว้ไปลดเอามื้ออื่น แบบว่าดีกว่าทานเนื้อแดงที่อื่นที่ไม่ค่อยมีคุณภาพแล้วความดันขึ้นไงคะ ทานที่นี่ คุ้ม!

น้องชายเราชอบขอสั่ง พิซซ่าญี่ปุ่นมาแนม ราคาไม่แพงเลย แผ่นเล็ก 80 บาท เท่านั้น ทอดมาได้บางกรอบ ซอสก็กลมกล่อม แถมให้ปลาโอแผ่นโรยหน้ามาเพียบอีกด้วยค่ะ อร่อยหลายอย่างแบบนี้ ใครชอบทานอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะคอเนื้อ ไม่ควรพลาดนะคะ




วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

ร้านขนมอร่อย เบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น After You


อยากทานมานานแล้วร้านนี้ แต่ไม่มีโอกาส เวลาแวะไป J-Avenue หรือแถวทองหล่อทีไร ก็มีเหตุให้ได้ทานของอร่อยอื่นๆจนพุงกาง ไม่เหลือพื้นที่กระเพาะไว้ให้ขนมหวานของร้านชื่อดังแห่งยุค ที่มีสนน ราคาเฉียดข้าวหนึ่งมื้อ ซะทุกที


แต่ในที่สุด สวรรค์ก็บันดาลให้เราได้มาทานร้านนี้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน บอกได้คำเดียวว่า พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก ร้านน่ารักดูสไตล์ Modern Japanese คนรอคิวทานขนมกันยาวเชียว น้องชายเราบอก "ร้านนี้ต้องมีดีแน่ๆ" พอได้เข้าไปก็ไม่ผิดหวังเมื่อเห็นหน้าตาขนมในตู้โชว์ แถมยังมีรายการขนมปังทำสดต่างๆในเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กันให้เลือกอีกอักโข ยังไม่หนำใจ พอเห็นรายการเครื่องดื่มก็แทบจะเป็นลม เพราะมันช่างน่าทานไปหมด เลือกไม่ถูกเลยค่ะว่าจะสั่งอะไรดี ระหว่าง ชาผลไม้ กาแฟร้อนเย็นเพื่อให้ความขมนิดๆมาช่วยตัดรสหวานของขนมที่สั่งไป หรือว่าจะเป็นชาเย็นน้ำผึ้งมะนาว เรียกความสดชื่น ปรากฏว่า เราสั่งมาสองแก้วเลยหล่ะ อิอิ แก้วแรกเป็น iced macchiato coffee อีกแก้วได้ใจมากๆๆๆๆๆๆ หอม หวาน กลมกล่อม เป็น caramel chocolate pudding (จำชื่อจริงๆไม่ได้ค่ะ) อร่อยจนละเมอไปอีกหลายวันเลยอ่ะ


เราสั่งของหวานรายการยอดฮิต คือ Shibuya Honey Toast มาทาน ที่ใหญ่มากกกกกกกก แต่อร่อยจริงๆอ่ะ ขนมปังหนากรอบนอกนุ่มใน ชุ่มด้วยเนยและน้ำผึ้ง เคียงมาด้วย vanilla icecream และ whipped cream งานนี้บอกได้คำเดียวว่า คลอเรสเตอรอลกระจาย!!! แต่ก็สู้ตายนะคะ คนเสิร์ฟยังแนะนำให้ทานคู่กับ syrup อีกต่างหาก โห! น้องชายเราหม่ำใหญ่เลย จานที่สอง เป็นจานสุดโปรดของเรากับน้องนะ ชื่อ Miele ดูธรรมดาๆ แต่อร่อยกลมกล่อม เป็น crepe cake คือเขาเอา เครปนะคะมาเรียงเป็นชั้นๆๆๆ แล้วตัดสามเหลี่ยมเป็นรูปชิ้นขนมเค้ก แต่ละชั้นเครปก็ทาครีมสดรสชาติกลมกล่อมหวานปะแหล่มๆ ตักหายๆเข้าไปอย่างลืมตัวจนหมดชิ้นเลยค่ะ อีกรายการที่สั่งมา คือ tiramisu ก็แฟนเรานะสิ ดันมาบอกว่า ไปไหนให้สั่งของมาตรฐานมาลองทานดู กันความผิดหวัง เช่น จะทานสลัดก็ต้อง Ceasar นะ ทานขนมก็ Tiramisu นี่แหละ อร่อยมาตรฐานพอๆกันทั่วโลก แต่ปรากฏว่า รายการนี้ของร้านนี้ ไม่ค่อยถูกใจเรา เพราะอะไรก็ไม่ทราบ มันออกเป็นกาแฟเกินไปมั้ง แล้วก็ขมนิดๆ แต่คนอื่นเขาก็ชอบกันนะคะ นานาจิตตัง


ส่วนที่เราอยากให้ทางร้านปรับปรุง คือ ห้องน้ำน่ะค่ะ นัยว่าร้านสวยเก๋ ขายขนมแพง น่าจะลงทุนกับห้องน้ำให้มากกว่านี้อีกนิด จะได้ perfect ให้คะแนน 10.5 เต็ม 10 เลยไงคะ แต่ห้องน้ำที่นี่ทำให้เราผิดหวังนิดๆกับกลิ่น ความสะอาด ประสิทธิภาพ และโดยเฉพาะข้อความที่ทางร้านเขียนไว้ ถึงการขอร้องให้ "ลูกค้าผู้มีรสนิยม" ช่วยกันรักษาความสะอาด เราอ่านแล้ว มันดูเหมือนประชดประชันนิดๆ เลยใจฝ่อหน่อยๆค่ะ นอกนั้นร้านนี้ก็ได้ใจเราไปเต็มๆเลย

Go Organic! มาเป็นพวกนิยมออร์แกนิคกันไหม




ที่สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆมีกระแสทานอาหารหรือใช้ของแบบ organic กันมาสักพักใหญ่แล้ว แต่กระแสนี้ยังไม่ดังเปรี้ยงปร้างในเมืองไทย สงสัยเหตุเพราะมี supplier สินค้า organic ไม่มากพอ สินค้าแบบ organics คืออะไร ดิฉันไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญ จึงของอธิบายแบบชาวบ้านว่า "เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่ผ่านการใช้สารเคมี ซึ่งดีทั้งต่อผู้บริโภค เกษตรกรเอง และสิ่งแวดล้อม เพราะถ้าเกษตรกรไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง ก็จะไม่มีสารตกค้างในตัวพืชผัก และรวมไปถึงชั้นบรรยากาศ" คุณคงเคยได้ยินถึงมหันตภัยจากสาร CFC ซึ่งทำให้เกิดภาวะโรคร้อน และอื่นๆตามมาอีกมาก คราวนี้คุณคงเข้าใจบ้างแล้วว่าพืชผักผลไม้ปลอดสาร ก็คือ สินค้า organic ประเภทหนึ่ง แต่สินค้าไลน์นี้ ยังรวมถึง เนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมธรรมชาติอื่นๆด้วย มันเป็นไปได้อย่างไร ขออธิบายง่ายๆว่า เช่น นม organic ก็คือ นมที่ได้มาจากแม่วัวที่ทานหญ้าที่เป็น organic คือ ไม่ผ่านเคมีภัณฑ์ และไม่มีการใช้สารเคมีแก่วัวเผื่อเร่งการเติบโตหรืออื่นๆ กาแฟ organic ก็ง่ายๆ คือ กาแฟที่ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี และขั้นตอนการอบคั่วก่อนมาถึงมือคุณ ก็ไม่ผ่านเคมีต่างๆ อาจจะรวมถึงเป็นเมล็ดกาแฟที่เก็บด้วยมือก็ได้

สินค้า organic จึงมักมีราคาค่อนข้างแพง เพราะต้นทุนสูงกว่าในการดูแลรักษาและผลิตอย่างใส่ใจ เกษตรกร organic เป็นผู้ใส่ใจในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่มักง่าย เขาจึงอาจจะได้ผลิตผลน้อยกว่าคนที่ทำการเกษตรแบบ mass product ทำให้เขาต้องขายสินค้าราคาสูงกว่ารายอื่นค่ะ

ตอนนี้สินค้าออร์แกนิคออกมาหลากหลายมากๆ ไม่จำกัดอยู่เฉพาะหมวดอาหารการกิน แต่ยังมี ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ทิชชู่ จานกระดาษ น้ำยาทำความสะอาดส่วนต่างๆของบ้าน ฯลฯ สินค้าพวกนี้นอกจากมีส่วนประกอบจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ไม่ผ่านสารเคมี ยังไม่มีพิษต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ ไม่มีสารตกค้าง และย่อยสลายได้ เช่น น้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ถ้าเราใช้แล้วเทน้ำทิ้งลงตามท่อซึ่งพอมันไหลไปตามใต้ดินจนไปรวมที่แหล่งน้ำที่ไหนสักแห่งก็ไม่ก่อให้เกิดพิษต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ เขาใช้คำว่า ย่อยสลายตามธรรมชาติ หรือ biodegradable ค่ะ

ถ้าคุณจะเริ่มมาเป็นผู้นิยมสินค้า organic เพื่อแสดงความใส่ใจในสุขภาพของตนเอง และใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกนิด ก็อย่าลืมพิจารณาถึงงบประมาณและ lifestyle ของคุณด้วยว่าเป็นคนชอบทานอะไร ชอบทานอย่างไร และมีร้านสินค้าประเภทนี้ใกล้คุณหรือไม่

"We encourage you to go organic to support such ecologically minded farmers in your countries and in the world."

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำไมต้องทานอาหารอิตาเลี่ยนที่หัวหิน




ดิฉันเนี่ย งง มากๆเลยค่ะที่ช่วงนี้ได้ยินมาหนาหูเหลือเกินว่า มาหัวหินต้องทานอาหารฝรั่งร้านนั้น อาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้ สารภาพตามตรงว่าส่วนตัวเป็นคนที่ชอบทานของท้องถิ่น เช่น ถ้าไปทะเลก็ขอทานอาหารทะเลแซ่บๆ ไปเหนือก็ขอทานข้าวซอย น้ำพริกหนุ่มอะไรกันไป ไปอีสานก็ทานปลาแม่น้ำ ทานอาหารอีสาน ไปแถบอุบล อุดร ก็ไม่ยอมพลาดไข่กะทะมื่อเช้า อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ฉะนั้นพอเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดชวนไปลิ้มอาหารอิตาเลี่ยนที่หัวหิน ดิฉันจึงปฏิเสธทุกทีไป

แต่คราวนี้มันต่างกรรมต่างวาระนะคะ เพราะเดี๊ยนกับแฟนเกิดท้องร่วงอย่างหนักหน่วงเมื้อไปถึงหัวหิน ทริปนี้จึงไม่เหมาะกับการทานอะไรเสาะท้อง หรือ อาหารรสจัด หวยจึงมาออกที่อาหารอิตาเลี่ยนค่ะ เราเริ่มลองมื้อแรกที่ร้าน ชื่อ Pasta Factory โดยมีตัวอักษรเล็กๆ กำกับว่า by Nut and Hannes ร้านนี้พิเศษตรงที่ขายพาสต้า ขายพิซซ่าแต่ตกแต่งร้านแบบไทยสุดๆ เวลาพาสต้ามาเสิร์ฟก็มาเป็นชาม และมีพวงเครื่องปรุงตามมาติดๆแบบก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา ต่างกันตรงที่ในพวงแทนที่จะเป็นน้ำส้มพริก น้ำปลา กลับเป็นชีส ออริกาโน ปาปริก้า เก๋ดีค่ะ ดิฉันไม่ได้ถามใคร แต่เดาเอาเองว่า เจ้าของร้านคงเอาจุดเด่นที่ว่าพาสต้าเป็นอาหารเส้นของคนตะวันตกก็เปรียบได้กับเป็นก๋วยเตี๋ยว ถึงได้นำเสิร์ฟแบบมีเอกลักษณ์เช่นนี้ ร้านนี้ดิฉันไม่มีรูปมาเสนอนะคะ เพราะไปทานตอนมืดและร้านก็มืดอีกเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

ร้านที่สองนี่ดังกว่า และ แพงกว่า (สำคัญๆ)กว่าร้านแรก มีชื่อว่า Mamma Mia ร้านเล็กๆ ตกแต่งแบบตะวันตกดู cozy นิดๆ homemade หน่อยๆ อยู่เยื้อง สภ หัวหินค่ะ พอไปถึงดิฉันก็ร้องอ๋อทันที เพราะเป็นร้านเดียวกับที่เคยนิยมมาทานไอศกรีมตอนยังเอาะ แต่ตอนนั้นไม่สนอาหารค่ะ มุ่งหน้าทานไอศกรีมที่เขาเรียกกันว่าแบบ gelato เท่านั้น

ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างสองร้าน แฟนดิฉันบอกว่าร้านที่สองกินขาดในเรื่องของวัตถุดิบ การปรุง และบรรยากาศ แต่เราติเรื่องรสชาติที่เป็นอิตาเลี่ยนแท้ไปหน่อย เลยออกแนวเลี่ยนและชืด ร้านแรกนั้น วันที่ไปทานเส้นสปาเก็ตตี้ออกจะแข็งไปหน่อย แต่รสชาติจัดจ้านดี ก็ขึ้นอยู่กับคนแล้วค่ะว่าชอบแบบแท้ๆ รสละม่อม หรือ ชอบรสชาติแบบดุดันขึ้นมาอีกนิดแบบลูกผสม hybrid ลองไปทานกันดูค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

รอเสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย

ซาล่า นี่เรามาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายจริงๆเหรอพรล้า
พรล่า อืม ทำไงดี แล้วเราต้องค้างที่สถานีนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่
ซาล่า ไม่รู้สิ ทำไมมันแย่แบบนี้
พรล่า กลัวจัง หนาวด้วย ไม่มีใครอยู่เลย กลับมาเถอะรถไฟ กลับมา สายไหนก็ได้ขอไปด้วยคน
ซาล่า สายไหนก็ได้เหรอ ถ้ามันไปที่ที่เธอไม่ชอบหล่ะ
พรล่า เราอยู่ไม่ได้แล้วล่ะ เรากลัวเหงา ขอไปที่ไหนสักแห่งเถอะที่ไม่ใช่ที่นี่ เธอก็ควรไปด้วยนะ
ซาล่า ไม่รู้สิ เราอยากไปที่ที่เราอยากไป นานแค่ไหน เราก็จะรอ

‘เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย ได้ฟังแล้วใจหาย หัวใจน้องนี้แทบขาด….’
เวลาเข้าตาจน คนเรามีทางเลือกสองทาง คือ ยืนหยัดรอสิ่งที่ต้องการ หรือ ไขว่คว้าอะไรก็ได้ไว้ก่อน คุณเป็นคนแบบไหนคะ

ยามไม่มีแฟนหรือเพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาดๆ ความเหงาถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดและเคยคร่าชีวิตคนมาแล้วนับไม่ถ้วน ความเข้มแข็งเป็นวัคซีนที่ช่วยต่อต้านความเหงาไว้ได้ และความหวังเป็นเหมือนไวตามินที่ช่วยให้เราฟื้นพลังมาสู้กับความเหงาได้เร็ววันขึ้น พูดถึงเรื่องความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายนี่ ใครไม่เคยสัมผัสก็จะไม่เข้าใจ บางทีมีคนอยู่ห้อมล้อมมากมาย แต่เรากลับเกิดอาการเหงาขึ้นมาจับใจอย่างบอกไม่ถูกและไม่รู้สาเหตุ ด้วยเหตุทีความเหงามันน่ากลัวเช่นนี้ หลายคนจึงรีบมีแฟนแต่งงานและมีลูกเพื่อเป็นปราการป้องกันความเหงาอย่างถาวร แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีเหมือนกันหมดนะคะ จริงไหม บางคนอย่างดิฉัน ก็ยังไม่ได้แต่งงาน และอยู่ลำพังมาสามสิบปีแล้ว เพื่อนๆพี่ๆบางคน เผชิญความเหงาอย่างกล้าหาญมานานกว่าดิฉันมากนัก พวกเขาพวกเธอก็ยังอยู่กันมาได้อย่างมีความสุข รถด่วนขบวนสุดท้ายจากไปแล้ว ทิ้งเขาและเธอไว้ที่ชานชลา แต่บางครั้งแม้จะวิ่งตามได้ทัน แต่บางคนก็เลือกที่จะไม่ตาม ไม่ฝืน เพราะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองฝันไว้ คนแบบนี้ ไม่น่าชื่นชมหรอกหรือ

นิมิตรเพื่อนสมัยเรียนปริญญาโท โดนแฟนบอกเลิกหลังจากวางแผนแต่งงานกันได้ไม่นาน ด้วยเหตุผลที่หล่อนเพิ่งรู้ตัวว่า ‘เราเข้ากันไม่ได้’ เหตุผลคลาสสิคกลบเกลื่อนเหตุผลจริงที่ว่า ‘ฉันเจอคนอื่นที่ดีกว่าเธอ’ นิมิตรทนต่อสู้กับความเหงาเพียงลำพังไม่ได้ จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะหาใครมาแทนที่ แฟนเก่าที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือยังโสดอยู่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เหตุเพราะอย่างน้อยก็เคยรู้ใจกัน มันน่าจะง่ายกว่ารอคนใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร และอีกอย่างการสานสัมพันธ์เก่าๆ มันย่อมมีหวังมากกว่าการสร้างสัมพันธ์ใหม่ๆอยู่แล้ว เพราะคุณมีทุนเดิมอยู่ นอกเสียจาก ทุนของคุณจะติดลบไว้ เพราะจบแบบไม่สวยมา ถ้าเป็นแบบนี้ ขอแนะนำให้ไปตายเอาดาบหน้าค่ะ นิมิตรทำรายการชื่อแฟนเก่าพร้อมเบอร์โทรเท่าที่พอจะหาได้ และโทรหาทุกคน พยายามนัดออกมาเจอและดูว่ารายไหนน่าจะมีแนวโน้มพอจะก่อถ่านไฟเก่าให้ลุกขึ้นมาได้อีก ผู้ชายมักจะได้เปรียบเรื่องการออกล่าเหยื่อ เพราะเป็นธรรมชาติของเพศผู้ ไม่ได้ดูขัดเขินลูกตาหรือผิดจารีต แต่ลองเป็นสาวๆอย่างเราสิ ถ้าใครลองลุกขึ้นมาแต่งตัวสวยไปเดินตามบาร์ หรือ ไปที่เที่ยวกลางคืน ก็จะถูกหาว่า มาล่าผู้ชาย และจะถูกมองไม่ดีไปอีกร้อยแปดพันประการ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักมีทัศนคติในทางลบกับผู้หญิงที่เจอก๋ากั่นตามร้านเหล้า บ้างว่า คบได้แบบสนุกๆ ไม่คิดเอามาเป็นเมียจริงจัง ดูสิ เราก็โดนทั้งขึ้นทั้งร่อง อยู่บ้านก็แห้งตาย ออกมาเที่ยวให้สุดฤทธิ์แบบขอเปรี้ยวเยี่ยวราด ก็กลายเป็นหญิงงามเมือง ไม่ค่อยมีความยุติธรรมเลยนะคะ คุณว่าไหม เล่าเรื่องนิมิตรต่อ สรุปว่า เขากลับไปหาแฟนเก่า เพื่อเอามาเป็นแฟนใหม่จนสำเร็จ พอแต่งงานกันก็เลยนับประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ได้ยืดยาว ว่าคบหากันมาตั้งแต่มัธยมปลาย รักกันมาสิบสองปี ทั้งที่จริงจีบกันตอนมอห้า แล้วพอเอ็นติดก็แยกย้าย มาเจออีกทีก็นี่แหละหกเดือนที่แล้ว แต่แขกเหรื่อในงานวิวาห์ก็ชื่นชมว่าเป็นคู่รักทรหด แบบนี้มีหลายคู่นะจะบอกให้

บ้างก็คว้าเพื่อนสนิทมาทำแฟน แบบว่ามองกันไปมองกันมา ไม่รู้ว่ารักกันตอนไหน รู้ตัวอีกที เธอคือคนที่เข้าใจเรามากที่สุดแล้วหล่ะ เมื่อวัยวุฒิมันถึง อะไรๆก็เป็นไปได้นะคะ หลายคนที่มีแฟนแต่ไม่มีความสุข เพราะรู้แก่ใจดีว่าว่าคนข้างกายนั้นไม่ใช่คนที่ฝัน แต่ก็ไม่สามารถทนกับความเดียวดายได้ จึงจำใจอยู่กันไปแก้ขัด บางคนขอเพียงแค่ได้มีแฟน ถึงอีกฝ่ายจะร้ายแค่ไหนก็ยอมทน กุลธิดา เพื่อนที่ทำงาน ผู้ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าแฟนนอกใจไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ยังทนได้ สารภาพให้ดิฉันฟังเป็นวิทยาทานว่า “เราอยากมีความรัก แค่ได้รู้ว่ามีใครเป็นแฟน มันก็อบอุ่น ได้มีใครสักคนไว้คิดถึง ไว้พูดถึง ไว้ไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนบ้าง ก็ยังดีกว่าไม่มีใครนะ” กุลธิดาพูดไปยิ้มไป แต่นัยน์ตามีแววเศร้า ใครๆก็รู้ว่าแฟนของหล่อนเจ้าชู้มาก และพูดจาไม่ให้เกียรติหล่อนบ่อยๆ แต่กุลธิดาก็มีความสุขที่ได้มีความรัก ความรักแบบนี้ ดิฉันว่าน่ากลัวทีเดียว เหมือนเราตกหลุมรักกับความรัก ภาษาอังกฤษว่า fall in love with love คือ เราไม่ได้รักคนๆนั้น แต่เรารักการมีความรัก เป็นภาวะ ที่ต้องการมีความรักกับใครก็ได้สักคน “มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่นา” เพื่อนสาวโสดคนหนึ่งของดิฉันออกความ เห็น “คนเราอยากมีความรักมันจะผิดตรงไหน” ดิฉันเองก็ว่าไม่ผิด แต่ถ้าคุณเป็นอย่างกุลธิดา คือ รู้ทั้งรู้ว่าคนรักหักหลัง แต่ยังขอมีเขาอยู่เพื่อได้มีความรัก แบบนี้ ดิฉันเห็นว่า คุณรักตัวเองน้อยเกินไป และให้เกียรติตัวเองน้อยเกินไป รักคนที่สมควรรัก รักคนที่เห็นคุณค่าของความรักของเรา นี่เป็นมโนภาพของความรักในแบบที่ดิฉันใฝ่หา เคยมีครั้งหนึ่ง ดิฉันไปสัมภาษณ์งานกับหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งตอนอายุได้ยี่สิบสอง เมื่อผ่านรอบข้อเขียน ทุกคนจะต้องถูกสัมภาษณ์โดยนักจิตวิทยา เป็นอะไรที่แปลกมาก ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ดิฉันจำได้แม่นว่า คำถามแรกที่นักจิตวิทยาหนึ่งในสามท่านถามดิฉันคือ “หนูมีแฟนรึยังจ๊ะ” ดิฉันตอบไปว่า “ก็พอมีดูๆกันอยู่ค่ะ” คุณหมอท่านเดิมถามต่ออีกว่า “หนูจะเลือกผู้ชายแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิต” ตอนนั้นดิฉันนึกว่า มันเกี่ยวอะไรกับงานนี้นะนี่ แต่ก็เป็นคำถามที่ชวนให้คิด เพราะสมัยเด็กเราก็คงไม่ต้องการอะไรมาก นอกจาก รูปหล่อ พ่อรวย นิสัยดี แต่การสัมภาษณ์ระดับนี้ ดิฉันคงจะตอบอะไรตื้นๆแบบนี้ไม่ได้ สามสิบวินาทีที่หยุดคิด ดิฉันตอบสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจขณะนั้น โดยไม่รู้ว่า ข้อความเหล่านั้นจะฝังใจตัวเองจนกลายมาเป็นบุคคลิกภาพของดิฉันในปัจจุบัน “หนูชอบคนที่หนูจะสามารถภาคภูมิใจในตัวเขา และเขาก็ภาคภูมิใจในตัวหนู ชอบคนที่พอใจในสิ่งที่หนูเป็น คนที่เห็นว่าหนูเก่ง หนูดี และเขาก็ต้องเก่งด้วยและดีด้วย ความดีและจิตใจนี่สำคัญมาก เพราะท้ายที่สุด เราจะภูมิใจที่แฟนเราเป็นคนดี มากกว่าที่เขาเป็นคนเก่งหรือคนรวยค่ะ” คุณหมอยิ้มแล้วถามว่า แล้วหนูคิดว่าเจอคนๆนั้นแล้วหรือยัง ดิฉันตอบอย่างใสซื่อว่า “คิดว่ายังค่ะ” คุณหมอยิ้มอีกครั้งก่อนที่เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นต่อไป ดิฉันไม่รูัหรอกว่า คำตอบที่ให้ไปนั้นดีมากน้อยเพียงใดในเชิงจิตวิทยา ดิฉันรู้แต่ว่า เป็นคำตอบที่ไม่โกหกตัวเองที่สุด และเมื่อได้พูดออกไปแล้วก็รู้สึกสบายใจ ตอนนั้น ดิฉันคบกันผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ดิฉันพูดออกมาเลย เขาไม่เคยชมอะไรฉันสักนิด มีแต่ติในทุกๆเรื่อง พอวันไหนดิฉันงอนหรือน้อยใจ เขาก็จะขำๆแล้วพูดว่า “แหมตัวเองก็ ตัวเองก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าพูดเล่น ถ้าไม่ชอบตัวเอง เค้าจะมาคบกับตัวเองเหรอ” แต่ถ้อยคำวิจารณ์ก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเขาไม่มีวันจบสิ้นจนดิฉันแทบทนไม่ได้อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ดิฉันจะอ้วนไปบ้างหล่ะ แต่งตัวไม่ทันสมัยบ้าง ไม่ทันคนบ้าง คำพูดต่างๆที่ทำให้ self-esteem หรือ ความรู้สึกรักและเคารพตัวเองของดิฉัน ต่ำลงๆ แต่ดิฉันก็ทนอยู่ ด้วยความที่ว่า ‘ดีกว่าไม่มีแฟน’ แต่หลังจากได้ตอบคำถามท่านนักจิตวิทยาครั้งนั้น ดิฉันได้คิดว่า ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายรอให้เขาเลือก ทำไมเราไม่เป็นฝ่ายเลือกผู้ชายบ้างหล่ะ ในเมื่อผู้ชายคนนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกใจเรา ทำไมเราต้องทน ไม่นานดิฉันจึงปลีกตัวออกห่างจากเขา และพ้นจากบ่วงวจีกรรมได้สำเร็จค่ะ

เชื่อว่าเพื่อนสาววัยสามสิบอัพ คงกำลังรอรถด่วนขบวนสุดท้ายกันอยู่อย่างเงียบๆ อย่าปฏิเสธเลยค่ะว่าไม่แคร์ เดี๊ยนเองยังยอมสารภาพว่า นับวันรอเลยล่ะ อยากรู้จังว่าเนื้อคู่ของเราจะเป็นใคร จะเป็นคนที่เจอกันที่สัมมนาเมื่อวันก่อน และได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรกันไว้ไหม หรือว่าจะเป็นกิ๊กที่ควงกันอยู่แบบบุฟเฟ่ท์ เจอกันเมื่อธรรมชาติเรียกร้องอยากให้เจอ หรือว่าจะเป็นเพื่อนชายคนสนิทที่คบหากันมานานนับสิบปี เขาก็ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เราเองก็ห่างวงการมาพักใหญ่ ใครหนอ ใครคนนั้น แต่ไม่ว่าวันๆนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ขอให้เรารู้ไว้เถิดว่า เกิดเป็นหญิง เรามีสิทธิเลือก เราไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกเลือกนะคะ คนที่คุณคบด้วยคือคนที่คุณเลือกเขา ไม่ใช่เขาเลือกคุณค่ะ ถึงรถไฟเที่ยวสุดท้ายจะแล่นมาเอื่อยๆเชิญชวนเราขึ้น แต่ถ้าไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคืออะไร หรือ ปลายทางเป็นคนละทิศละทางกับที่เราต้องการ เราจะไปตายเอาดาบหน้าทำไมเล่า play safe ค่ะ คิดให้ดี ความโสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าต้องให้หยิบยกตัวเลขสถิติของสาวโสดในเมืองไทย หรือในโลก มาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือก็ได้ค่ะ คำว่านางสาวใช้ไปจนแก่ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนี่นะ พูดให้กำลังใจกันค่ะ เพราะเผื่อดวงใครจะเป็นดวงโสดถาวร ดิฉันนี่ยังลังเลใจอยู่เหมือนกัน เพราะความที่ทุกหมอดู คอมเมนท์ว่าเป็นดวงประ คู่ที่มีจะมีคนอื่นด้วย ไม่คาราคาซังกะแฟนเก่าก็จะมีคนอื่นเข้ามา เฮ้อ กลุ้ม แถมหมอบอกว่า ไม่มีทางแก้ไข ให้ทำใจยอมรับ ดิฉันก็เลยยังไม่แน่ใจว่า ถ้ามีแฟนจริงจังแล้วจะกล้าแต่งงานไหม บางทีชีวิตเราอยู่ลำพังมาสามสิบปี มันก็เริ่มชินๆนะ มีอิสระ และไม่ขึ้นตรงต่อใคร ไม่รู้สิคะ ยังพูดไม่ได้เพราะเวลายังมาไม่ถึง

พวกผู้ชายก็มีกลัวความโสดเหมือนกันนะคะ เมื่อหลายปีก่อนจำได้ว่า มีเพื่อนประถมโทรมาหาเพื่อทาบทามเดี๊ยนให้กับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่หมอดูประกาศว่า ถ้าไม่ได้แต่งงานปีนั้น ชีวิตนี้ก็จะไม่ได้แต่งอีกเลย เจ้าประคุณ คำพูดแบบนี้ ถ้ามาพูดกับเดี๊ยน เดี๊ยนไม่เชื่อนะคะนี่ ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มคนนั้นเชื่อเข้าไปได้ยังไง ถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไรเล่าถึงจะไม่ได้แต่ง เพื่อนบอก “เออว่ะ ลืมถามหมอไป” เฮ้อ ขอถอนหายใจอีกที เป็นคำทำนายที่ไม่สมจริงเอาเสียเลย คนเชื่อก็ค่อนข้างงมงาย ปรากฏว่า เดี๊ยนไม่ไปเจอหรอกนะคะพ่อหนุ่มคนนั้น เพราะเดาได้ว่า nerd เกิดมาไม่เคยมีแฟน เอาแต่เรียนๆๆๆ พอเรียนจบทำงานก็ก้มหน้าก้มตาทำไป วันๆ ไม่คิดเรื่องคู่ ไม่เคยปิ๊งสาวที่ไหน แต่พอหมอดูบอกมาแบบนั้น จู่ๆก็ลุกขึ้นมาบอกเพื่อนฝูงให้ช่วยหาเมียให้หน่อย คนแบบนี้ ไม่ใจเลยค่ะ

เมื่อสองปีก่อน แฟนเก่าคนหนึ่งของเดี๊ยนติดต่อมาทางอีเมล์ บอกว่าจะกลับมาจากต่างประเทศขอนัดพบจะได้ไหม ด้วยอารามดีใจเดี๊ยนก็ตอบตกลงไปค่ะ ในใจก็แอบนึกว่า จะมาไม้ไหนนะ จำได้ว่าเขามีแฟนแล้วนี่ หนุ่มคนนี้ปัจจุบันประสบความสำเร็จในอาชีพของเขามากๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าใครที่หลุดมือเดี๊ยนไปแล้ว จะได้ดีกันทุกคน เฮ้อ นักปั้นตัวจริงเลยเรานี่ อิอิอิ พูดเล่นค่ะ แต่หลายคนนะคะที่โด่งดังไปเลย เดี๊ยนนั่งฟังข่าวก็แอบเสียดาย แต่คนอย่างเราต้องไม่เดินถอยหลังค่ะ สายน้ำไม่มีวันไหลกลับ แหะๆ พูดซะดี แต่ก็แอบหวั่นไหวนะ คุณพี่คนนั้นขับซีรี่ห้ามาเลยค่ะ หน้าตายังจิ้มลิ้มเหมือนเดิม แต่ด้วยความเป็นอาร์ทติสหัวหูก็เลยดูยุ่งเหยิงไปหน่อย เดี๊ยนวางตัวพองามแบบว่าคุยกันแบบพี่น้อง แค่คนรู้จักมักจี่มาแต่เด็ก แต่พอเดี๊ยนไปทักว่า “ผมพี่ไปทำอะไรมา ยังกะทอร์นาโดลงเลย” เขาทำไงรู้ไหมคะ พี่เขาก้มหัวลงมาข้ามโต๊ะกินข้าวแล้วบอกว่า “งั้นจัดให้หน่อยสิ” นาทีนั้นเดี๊ยนลังเลมากๆ เป็นวูบแห่งการตัดสินใจ ถ้าเดี๊ยนยื่นมือไปทำให้ หนังอาจจะจบแบบคนละม้วนเดียวกันไปเลย แต่ในที่สุด เดี๊ยนก็บอกว่า “ไม่ดีมั้ง พี่หวีเองเหอะ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” อยากตบปากตัวเองเหมือนกันแหละ พูดไปได้ยังไง พี่เค้าดูเขินๆนิดๆ เหมือนโดนตบหน้า เพราะเค้าก็ไม่ได้เป็นคนหน้าหม้อหูดำอะไร จากนั้นบทสนทนาก็ยังดำเนินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จริงๆ หลังจากอาหารมื้อนั้น เดี๊ยนก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย ได้ข่าวอีกทีว่ากลับไปเมืองนอกแล้ว กลับไปโดยไม่ลา เพื่อนๆคิดดูสิคะ เดี๊ยนได้เสียรถด่วนขบวนสุดท้ายไปรึเปล่า หรือว่า ดีแล้ว นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น เดี๊ยนไม่เสียดายเลยนะ เพราะถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะมีเจตนามาเจอเราเพื่อโยนหินถามทาง แต่พอไม่เห็นแววสำเร็จเพียงครั้งเดียวก็ตีตั๋วกลับเลยแบบนี้ ใช้ไม่ได้ค่ะ แสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่นี่เป็นความเห็นส่วนบุคคลของเดี๊ยนนะคะ เพื่อนๆไม่ต้องเชื่อตามหรอก

เรื่องตามหาเนื้อคู่นี่ได้รับความสนอกสนใจมากจริงๆนะ เห็นได้จากนิตยสารแทบทุกฉบับ อย่างน้อยต้องมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น เคล็ดลับพิชิตใจชาย ทำยังไงให้แฟนขอแต่งงาน สิบห้าเทคนิคเพื่อยุติความโสด ไม่ว่านิตยสารเล่มไหนจะหยิบหัวข้อแนวใดมาเขียน ก็มักจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพื่อนสาวของเดี๊ยน ทุกคนนั้นถือได้ว่ามีความรู้ภาคทฤษฎีเป็นเลิศ ควรทำแบบไหนในเดทแรก วิธีมัดใจชาย คำพูดไหนเข้าหู คำพูดไหนไม่เข้าหู พวกเรารู้ทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติจริง หรือบางทีพอถึงเวลาจริงกลับลืมทฤษฎีเจ้าค่ะ

ในที่สุดก็ต้องมานั่งรอรถด่วนขบวนสุดท้ายอยู่หน้าจอคอมฯ สาวยุค millennium อย่างเรา จะให้ไปยืนรอ ขาแข็งที่ชานชลาได้ไงคะ อินเตอร์เน็ทมีไว้ทำไม ใช้ hi5 หรือ facebook ดู profile หนุ่มๆเพื่อนของเพื่อน กันดีกว่า เผื่อมีคนไหนน่าสนใจจะได้ขอ add มาเป็นเพื่อน แถมสมัยนี้ เราสามารถเช็คประวัติคนที่เราสนใจได้โดยการ google ชื่อเขาเสียเลย ตอนแรกๆก็ไม่ชอบนะ เพราะมีแฟนเก่าคนนึงสมัยเด็กคนหนึ่งอีเมล์มาหาทั้งที่ไม่ได้ติดต่อกันมากว่าสิบปี พอถามว่าเอาอีเมล์เรามาจากไหน พวกบอก google มา นี่ขนาดเดี๊ยน เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามมาด้วย ยังสามารถ… ตอนนี้ใครอยากรู้อะไรก็ search สะดวกเกินไปแบบนี้ ไม่รู้จะทำให้พวกเราหาแฟนได้เร็วขึ้นหรือช้าลงหว่า แต่ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะ

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ผัดไท หรือ ผัดไทย

บ้างก็ว่าการสะกดที่ถูกต้องคือ ผัดไท แบบไม่มี ย แต่ในเมนูของบางร้านอาหารก็เป็น ผัดไทย ผู้เชียวชาญด้านภาษาไทยช่วยบอกด้วยค่ะ เข้าเรื่องเลยนะ หลายร้านอาหารพยายามประยุกต์เมนูผัดไท (หรือผัดไทย) ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น ผัดไทมะละกอของร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง ของคุณมัลลิการ์ หรือ เกี๊ยวกรอบผัดไท ของร้าน Coffee Beans by Dao ส่วนร้านแถวบ้านเราก็มีเมนู ผัดไทไร้เส้น นัยว่ามีแต่เครื่องเครามาผัดๆๆๆ

เราเคยปลื้มผัดไทท่ายาง จ. เพชรบุรี ร้านห้องแถวธรรมดาเปิดโล่งอยู่ในตลาดท่ายางในละแวกที่ขายทองม้วน ถ้าคุณวิ่งเส้นเพชรบุรี พอถึงอ.ท่ายาง ก็เลี้ยวขวาเข้าไปเลย ถ้าจำไม่ผิดต้องไปวนรถที่ศาลเจ้ากลางตลาดก่อนค่ะ ถามใครๆก็รู้ค่ะ ผัดไทที่ร้านมีทั้งผัดไทวุ้นเส้น ผัดไททะเลที่รวมมาทั้งกุ้ง ปลาหมึก และปูค่ะ อาหารตามสั่งรายการอื่นๆก็อร่อยนะคะ

อีกร้านคือ ผัดไทป้าหวานที่ชลบุรีค่ะ รสชาติจัดจ้านเพราะซอสผัดไทสูตรพิเศษของทางร้าน ทางร้านยังมีอาหารอื่นๆขายด้วยค่ะ ที่พลาดไม่ได้คือ ปูจ๋า ค่ะ

พูดถึงผัดไท ถ้าไม่กล่าวถึงร้านดัง ผัดไทประตูผีก็คงไม่ได้นะคะ เราไม่เคยไปทานหรอกนะ อยากมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาส หาที่จอดรถยากค่ะ แต่ต้องไปลองแน่ๆสักวัน

สุดท้ายที่จะกล่าวถึง คือ ผัดไทรถเข็นที่ถนนข้าวสาร เอ้อ ไม่ได้มีรสชาติผัดไทอย่างที่เราเคยทานเลย จืดๆชืดๆ มีหลายเส้นด้วยนะคะ ที่แปลกคือ ผัดไทเส้นหมี่ เส้นมาม่า กะเส้นฮกเกี้ยนสีเหลืองอ้วนกลม เราว่ารสชาติเหมือนเอาเส้นมาผัดกะน้ำมันตีกระเทียม แต่ฝรั่งก็นิยมกันมากนะคะ ถึงแม้จะไม่ค่อยถูกปาก แต่พอเดินผ่านทีไร เราก็อยากจะสอยมาคีบมาเคี้ยวให้เหมาะสมกะบรรยากาศอยู่เรื่อยสิน่า แสดงว่าของเค้าต้องมีดี อิอิ

เมื่อรักเป็นพิษ

หายไปนานหลังจากเขียนหกบทแรกเสร็จสรรพ เดี๊ยนเฝ้ารอเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์รักรูปแบบใหม่มาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกันไงคะ คราวนี้จะเขียนเรื่องพิษรัก เอ้ย รักเป็นพิษ มันต่างกันอย่างไร ระหว่างพิษรัก กับอาการรักเป็นพิษเนี่ย มันก็คล้ายๆกันล่ะคะ ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ พิษรักอาจเป็นไปในทางดีก็ได้ เช่น นาย ก โดนพิษรักเล่นงานเข้าให้ นั่งเหม่อตาลอยคิดถึงสาว จ ทุกวัน แต่อาการรักเป็นพิษเนี่ย ส่วนใหญ่มันจะไม่ค่อยดีนะคะ ลองเทียบกับอาการอาหารเป็นพิษ หรือ ลมพิษ ดูสิคะ มันออกแนวเน่า เฉา คัน แสบ ไข้ขึ้น หรือ อาจงอาเจียนกันไปตามๆกัน และจบลงที่การนอนซมซึมกระทือ
เมื่อไหร่เราถึงจะรู้ว่ารักของเราเป็นพิษ โดยมากเจ้าของไข้ไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอกค่ะ เรียกว่า บ่อยครั้งเลยที่เข้าลักษณะกว่าจะรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว เช่น หมดเนื้อหมดตัว การงานตกต่ำ เพื่อนฝูงตีตัวออกห่าง หรือพ่อแม่ช้ำใจ และอาจเสียคนดีๆข้างกายไปโดยเรียกกลับคืนไม่ได้ เพื่อนสาวเก่าแก่คนหนึ่งของเดี๊ยนกำลังเจอะเจอกับอาการรักเป็นพิษอยู่ค่ะ เจ้าตัวมีอาการเหมือนผีเข้า คือ เดี๋ยวรู้เดี๋ยวไม่รู้ว่ารักเป็นพิษ จะว่าโดนผู้ชายหลอกเหรอ ก็ไม่เชิงนะ เพราะคนพวกนี้เขาไม่มานั่งปั้นเรื่องโกหกหลอกคุณให้เสียสมองหรอก เขาแค่เอาความจริงมาเล่า ตีหน้าเศร้าให้คุณสงสารและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เขาอย่างไม่มีวันจบสื้น เท่านี้เขาก็สบายไปแปดอย่างแล้วล่ะคะ เพื่อนเดี๊ยนคนนี้หน้าตาน่าเอ็นดู การศึกษาสูง มาจากตระกูลดี พ่อแม่ก็มีการศึกษาและเลี้ยงดูหล่อนมาอย่างกับไข่ในหิน แต่อย่างว่าละค่ะ You want what you can’t have. คนเรามักไขว่ขว้าหาสิ่งที่ตัวเองไม่มี ในกรณีเช่นนี้ ผู้หญิงดีๆมักหลงใหลใฝ่ฝันถึงผู้ชายเลวๆ ผู้ชายที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองทุกประการ เช่น ผู้หยิงแนวไข่ในหิน มักหลงใหลได้ปลื้มกับผู้ชายที่ใช้ชีวิตอิสระ เสเพลบ้าง เที่ยวกลางคืนบ้าง มีชีวิตแบบพึ่งลำแข้งตัวเองมาตั้งแต่ยังหนุ่ม เช่าบ้านอยู่เอง คนอะไรก้ไม่รู้ แมนมากๆ โดยหารู้ไม่ว่าผู้ชายเทือกนี้ เขาเจนจัดด้านการใช้ชีวิตและการใช้อิสตรีเป็นสะพานข้ามชนชั้นวรรณะมานักต่อนักแล้ว จะพูดให้ไพเราะก็คือ เป็นพวกดวงนารีอุปถัมภ์ หรือจะให้พูดหยาบๆก็คือ เกาะผู้หญิงกิน เกาะผู้หญิงดังมาทั้งชีวิต เดี๊ยนไม่ได้เหมารวมว่าผู้ชายที่หาเลี้ยงตนเองจะเป็นเช่นนี้ทุกคนหรอกนะคะ แต่ถ้าคุณได้เจอชายสู้ชีวิตที่ยืมเงินคุณตลอดเวลา บ่นแต่เรื่องเงินทอง ชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือชักชวนให้คุณเอาเงินมาลงทุนกับเขา โดยที่เมื่อคุณใช้สติตรองดูแล้ว ตั้งแต่คบกับเขามาคุณมีแต่จ่าย มากกว่าที่จะได้รับจากเขา นั่นแหละค่ะ คือ อาการขั้นเริ่มต้นของรักเป็นพิษ โดยผู้ชายกลุ่มนี้จะหน้าตา รูปร่างดีเป็นทุนเดิม เรียกว่า เป็นบุรุษที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นทรัพย์ก็ว่าได้ แต่ดันต้องทำงานกะลั่วๆ ไม่เหมาะสมกับหน้าตาและผิวพรรณยิ่งนัก คุณอาจจะได้พบเจอเขาในวาระต่างๆกันไป เช่น ในที่ทำงาน โดยเขาอาจมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต่ำกว่าคุณสักหน่อย คุณอาจมีรถขับ แต่เขาอาจต้องขึ้นรถเมล์หรือซิ่งมอเตอร์ไซค์ คนเหล่านี้มักจะคารมดี พูดจาไพเราะ และดูเป็นคนมีความคิด จนคุณสงสัยว่าทำไม้ทำไมถึงไปไม่ได้ดี บางทีคุณก็อยากจะแค่สนับสนุนให้เขาได้ดี ด้วยความคิดอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์(เพศตรงข้าม)ให้ก้าวไกล และมีชีวิตที่ดีขึ้น สังเกตว่าคนเหล่านี้จะ treat คุณดีมาก บางคนมักจะตำหนิติเตียนคุณเรื่องการใช้เงิน ทำให้คุณหลงเชื่อไปว่า เขาคบคุณไม่ได้หวังเงินทอง บางคนอาจก้มหน้าก้มตาควักเงินจ่ายค่าอาหารราคาแพงที่คนนิยมไปนั่งละเลียด จนคุณอดสงสารไม่ได้ และตอบแทนเขาด้วยวิธีต่างๆกันไป เพราะคุณคิดว่าปกติเขาสมถะจะตาย พอมาคบเราเขาต้องจ่ายมากขึ้น เราก็น่าจะชดเชยให้เขาได้ ถ้าเขาไม่รับเงินค่าอาหารที่คุณช่วยจ่าย คุณก็อาจจะพาเขาไปซื้อเสื้อผ้าดีๆแพงๆใส่ เผื่อที่เวลาไปไหนมาไหนกับคุณจะได้ดูเหมาะสมยิ่งขึ้น ด้วยความที่คนพวกนี้หน้าตาดีเป็นทุนเดิม ใส่เสื้อผ้าดีเข้าหน่อย แหม ดูโก้ขึ้นยังกะเป็นลูกคนรวยแหนะค่ะ คุณก็ปลื้ม ถาโถมซื้อให้เขาอีก ต่อมาเมื่อเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ผู้ชายกลุ่มนี้ก็อาจจะเล่าเรื่องชีวิตจริงที่เคยลำบากให้คุณฟังเรียกคะแนนความสงสารเข้าไปอีก พร้อมทั้งโครงการอนาคตที่สุดแสนจะสวยหรู “ผมเคยจนมาก่อน เพราฉะนั้นชีวิตนี้ผมจะไม่ยอมกลับไปจนอีก ลูกเมียผมต้องสบาย ” หรือไม่ก็แนว “ผมอยากมีชีวิตสมถะ มีบ้านหลังเล็กๆ มีสวน มีรถหนึ่งคัน อ้อ ไม่สิ ของผมคันนึง ของภรรยาในอนาคตของผมอีกคัน มีลูกสักสองคน วันเสาร์อาทิตย์ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดให้ลูกๆได้ใกล้ชิดธรรมชาติ” เป็นไงคะ เคลิบเคลิ้มไหม แต่ความเป็นจริงคือ ผู้ชายกลุ่มนี้เลือกคบเฉพาะผู้หญิงที่มีฐานะ และการศึกษาสูงกว่าตนทั้งสิ้น เพื่ออะไรล่ะคะ คุณลองคิดดูกันเอาเองก็แล้วกัน ถ้าเขาอยากที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง ทำไมจึงเลือกคบเฉพาะผู้หญิงที่เหนือกว่าตัวเขา คุณอาจแก้ตัวแทนพวกเขาว่า มันช่วยไม่ได้ มันอาจเป็นพรหมลิขิต แต่ถ้าเดี๊ยนถียงว่า เป็นเพราะผู้ชายพวกนี้ไม่เคยชายตาไปแลคนที่เท่าเทียมกะเขาหรือต่ำกว่าเขาเลยไงคะ เพราอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะไอ้ concept ชีวิตที่เขาสร้างไว้ไง ที่ว่าจะไม่ยอมกลับไปจนอีก ถ้ามีเมียจน แล้วเมื่อไหร่จะรวยเล่า และถ้าคุณจะเถียงว่า “แม้ชั้นจะไม่จน แต่ชั้นก็ไม่ได้มีสมบัติมากมายไปต่อยอดให้เขานะ และเขาก็รู้ดีด้วย” นั่นแหละค่ะ คุณอาจไม่รวย แต่คุณมีคุณสมบัติอื่น เช่นคุณอาจจะทำงานเก่ง หาเงินเก่ง หรือมีพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นไฮโซที่ช่วยให้เขาไต่บันไดสังคมได้ไปกระทบไหล่คนรวยๆได้มากขึ้น และที่สำคัญเขาพิจารณาแล้วว่า คบกะคุณ เขาไม่ต้องเลี้ยงคุณแน่ๆ สบายจะตาย ได้เมียแถมไม่ต้องเลี้ยงดูอีก ก็คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาด้อยกว่า ถึงเวลาคุณจะแบมือขอเงินจากเขาเหรอ ไม่มีทาง เดี๊ยนฟันธง
ที่เดี๊ยนพูดได้เป็นฉากๆ เพราะเคยเจอมากับตัว แต่โชคดีที่เป็นสมัยยังเอ๊าะเลยกลับตัวได้ทัน ไม่งั้นหมดตัวแน่ๆ ทั้งเสียเงิน ทั้งเสียใจ และทั้งเสียสมอง และเมือ่เร็วๆนี้ก้ได้คุยกับเพื่อนสาวคนหนึ่งที่เจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน ตอนนี้เพื่อนคนนี้ต้องทนทุกข์ใช้หนี้สินที่ผู้ชายก่อไว้ให้ร่วมแปดแสนบาท ตัวคุณเธอมีเงินเดือนสองหมื่นกว่า แต่เหลือเงินสดไว้ใช้จริงๆแค่พันกว่าบาท เพราะส่วนที่เหลือต้องเอาไปผ่อนนั่นผ่อนนี้แทนคุณผู้ชายตัวดี ก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ให้เขา โดยไม่มีทีท่าว่าเขาจะมาช่วยเธอผ่อนบ้าง ตัวผู้ชายก็มีเงินเดือนพอๆกัน แต่ไม่รู้เอาไปใช้ที่ไหนหมด เดือนๆไม่เคยช่วยเพื่อนเดี๊ยนจ่ายหนี้สิน แต่ปากดีค่ะ พูดแต่ว่า “วันไหนผมมี ผมคืนให้คุณแน่ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มี” แล้วเมื่อไหร่ล่ะวะ เงินเดือนร่วมสองหมื่นแกเอาไปใช้ทำอะไรหมด เพื่อนเดี๊ยนเปิดบัตรเครดิตใหม่ กี่ใบๆ มันก็เอาไปรูดปื้ดๆ จนเต็มวงเงิน ไม่ยอมใช้สักแดง ตอนนี้เต็มไปสองใบ วงเงินใบละแสนกว่าบาท พอธนาคารโทรมาทวงถาม เพื่อนเดี๊ยนถึงกับลมจับ แต่พอไปบอกให้จ่าย มันกลับตีหน้าเศร้า แถมพูดจาประชดประชัน จนฝ่ายหญิงผู้มีจิตอ่อน รู้สึกผิดที่ไม่เห็นใจเขา พอบอกว่าจะปิดบัตรและผ่อนใช้กับธนาคาร หนี้จะได้ไม่เพิ่ม มันยังมีหน้ามาขอร้องให้เปิดบัตรไว้ก่อนเพื่อมันจะได้ไว้ต่อยอด ต่อยอดบ้าอะไร ต่อยอดหนี้ให้เพื่อนเดี๊ยนสิไม่ว่า แต่อาการแบบนี้ คนนอกอย่างเราๆจะไปเตือนก้ไม่ได้นะคะ เรื่องภายในครัวเรือน เอามือไปสอดจะววยเสียเปล่าๆ บางทีอาจต้องกินใจกับเพื่อนไปก็ได้ ไม่ค้วร ไม่ควรเลยค่ะ เดี๊ยนไม่แนะนำ ถ้าอยากจะพูด เพราะคันปากจริงๆก็ต้องเป็นไปในแนวทางช่วยหาวิธีแก้ไขสถานการณ์หนี้สินท่วมหัวของเพื่อน อย่าไปยืนด่าแฟนเขาปาวๆๆเชียว แฟนใคร ใครก็รักค่ะ
ยังไม่หมดที่หนี้บัตรเครดิตสองใบ ยังมีรถอีกค่ะ พอคบผู้หญิงที่มีรถขับได้สักพัก ผู้ชายพวกนี้จะเริ่มสำแดงอาการอยากมีรถบ้างเพื่อเอาไว้ขับรับคุณ ใครๆจะได้ไม่ดูถูกผมว่าเกาะชายกระโปรงคุณไปไหนมาไหน บางรายก็กู้ซื้อรถเองแล้วให้ผู้หญิงค้ำประกัน บางรายก็ขอให้ผู้หญิงกู้ให้ เราตนจะผ่อนให้ทุกเดือนๆ ด้วยเหตุผลสารพัดที่หยิบยกมาบอกว่าเขากู้ไม่ได้เพราะมีญาติเคยทำเครดิตเสียหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณก็ไว้ใจเขายอมทำตามดั่งโดนของ สรุปคือ เมื่อไรที่คุณเซ็นชื่อยอมกู้ให้ กู้ร่วม หรือว่าค้ำประกันการกู้ คุณเป็นหนี้แล้วอีกเจ็ดแปดแสน ใช่หรือไม่ใช่คะ เพื่อนเดี๊ยนคนนี้เจอกรณีแบบที่หนึ่งค่ะ คือเซ็นค้ำประกันไปให้ วันดีคืนดี ไฟแนนซ์ตามมาถึงบ้าน มาทวงหนี้ มาทวงรถ เพื่อนเดี๊ยนก็จิตอ่อน ด้วยความรักความหลงที่มีต่อผู้ชาย ยอมรับใช้หนี้ให้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนพ่อแม่ของหล่อนกลัดกลุ้มใจ เพื่อแก้ปัญหาพ่อแม่ไม่สบายใจ เพื่อนเดี๊ยนเลยรับซื้อรถคันนั้นต่อจากพ่อแฟนตัวดี เพื่อให้พ่อแม่ตัวเองรู้สึกว่าเสียเงินไป แต่ได้ของกลับมา แล้วเพื่อนเลยต้องขายรถของตัวเองที่พ่อแม่ดาวน์ให้ เพราะผ่อนพร้อมกันสองคันไม่ไหว ความรักเป็นพิษจริงๆนะคะงานนี้ ยังไม่หนำใจใช่ไหมคะ เจ้าผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ไปใช้วิธีอะไร ซื้อรถใหม่ป้ายแดงอีกคันมาขับค่ะ โดยให้เหตุผลกับผู้หญิงอย่างหน้าด้านๆว่า “ก็คุณเอารถของผมไปแล้ว ผมจะใช้อะไรหล่ะ ผมเป็นเซลล์ ผมก็ต้องใช้รถสิ” คำถามเกิดขึ้นในหัวเดี๊ยนทันทีเลยค่ะว่า คราวนี้ทำไมมันกู้เองได้ หรือว่ามีเจ๊คนไหนช่วยกู้ช่วยค้ำให้มันอีก เฮ้อ สงสารเพื่อนค่ะ
ความรักเป็นพิษไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆอย่างเดียวนะคะ บางทีก็เป็นพิษที่ความรู้สึก เจ็บช้ำน้ำใจไม่เว้นแต่ละวัน รักเป็นพิษเพราะไปคบคนเจ้าชู้ยักษ์ค่ะ ประเภทเจ้าชู้เรี่ยราด แต่ปากดีบอกว่า “จริงๆผมก็มีคุณคนเดียวนั่นแหละ” หรือ “ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้หึงไร้เหตุผล ที่ผมเลือกคุณเพราะดูแล้วคุณเป็นคนมีเหตุผล เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ผมผิดหวัง” เจอคำพูดฉลาดๆแบบนี้ผู้หญิงอย่างเราก็ไม่กล้าแสดงอาการหึงแล้วค่ะ ได้แต่เก็บความเจ็บช้ำน้ำใจไว้จนหัวอกแทบระเบิดทุกครั้งที่เขาไปเที่ยวกลางคืน ทุกครั้งที่โทรไปแล้วเขาปิดโทรศัพท์ หรือทุกครั้งที่เขาไม่รับสาย เรื่องแบบนี้บางคนอาจว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของแทบทุกครอบครัว แต่ถามหน่อยว่า การที่เราต้องฝืนใจตัวเองทุกครั้ง ต้องก้มหน้ายอมรับกฎเกณฑ์งี่เง่าๆที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นทั้งที่มันขัดกับความรู้สึกของคุณ เพียงเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจคุณ และจะเห็นว่าคนอื่นดีกว่าคุณ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะไม่ขาดการเคารพตนเองไปหน่อยหรือคะ ถ้าทำอะไรที่ขัดใจเราแล้วเกิดทุกข์ เดี๊ยนถือว่า คุณรักตัวเองน้อยกว่าที่รักคนอื่น มันไม่ดีอย่างไร บางคนถูกสอนมาว่าให้นึกถึงคนอื่นก่อนตนเอง แต่นั่นมันคนละเรื่องกับความรักค่ะ เมื่อคุณต้องฝืนใจทำสิ่งที่ไม่ชอบ หรือทำไปช้ำไป เดี๊ยนถือว่ารักครั้งนี้เป็นพิษแล้วค่ะ จริงอยู่ที่คนเราคบกันต้องมีการปรับตัวเข้าหา ต้องมีการฝืนใจกันบ้าง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตพอเหมาะ อยู่ในเกณฑ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องเจ็บ ไม่เสียใจ ไม่เสียน้ำตา ถ้ามีน้ำตาเกิดขึ้น แสดงว่า ในหัวอกลูกผู้หญิงอย่างเรามันช้ำแล้วล่ะค่ะ อยากจะยกตัวอย่าง สาวน้อยคนนึงที่ได้แสดงความฉลาดรักให้เห็นเดี๊ยนตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ น้องบิ๋งเป็นเด็กเรียนไม่เคยมีแฟน จนวันหนึ่งเกิดมีแฟนที่แตกต่างจากตัวเองลิบลับ คือเป็นเด็กแนว หน้าตาทันสมัย ใส่ขาเดป ไม่ใส่ใจการเรียน และชอบโดดเรียนเป็นประจำ แต่เด็กผู้ชายคนนี้เรียนดีนะคะ อยู่คณะวิศวะ ส่วนน้องบิ๋งอยู่มนุษยศาสตร์ บ่อยครั้งๆมากที่เขามาชวนให้น้องบิ๋งโดดเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่บิ๋งไม่ชอบเลย แต่บิ๋งก็ยอมทำค่ะ ด้วยเหตุเพราะ “กลัวว่าถ้าเราไม่ไปแล้วเขาจะชวนคนอื่นไปแทน” น้องบิ๋งกลัวเขาจะคบคนอื่นที่มีเวลาว่างไปเที่ยวกะเขาแทนตนเองค่ะ เลยฝืนใจตัวเองโดดเรียนไปโน่นมานี่กะเขาจนการเรียนตกต่ำ ฝ่ายผู้ชายการเรียนอยู่ตัวค่ะ เพราะอะไรเหรอคะ ก็ตารางเรียนของสองคนไม่ตรงกันนี่คะ เวลาเรียนของเขา เขาก็เข้าเรียน แต่พอตัวเองว่างแล้วบิ๋งมีเรียน เขาก็มาแง้วๆชวนบิ๋งไปเที่ยวค่ะ งานนี้ใครโง่ ใครฉลาดคะ แต่โชคดีที่น้องบิ๋งรู้จักคิดและมีความรักตัวเองสูง พอเกรดเฉลี่ยนตกรูดลงมาต่ำกว่า 3.00 น้องบิ๋งคิดได้ทันทีเลยค่ะว่า ความรักเป็นพิษครั้งนี้เป็นสาเหตุให้ชีวิตย่ำแย่ นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้งค่ะ และอาจจะเป็นด้วยความที่ยังเด็ก ยังเชื่อว่าตัวเองมีโอกาสได้เจอคนดีดีอีกมาก บิ๋งเลยตัดใจได้ง่ายค่ะ แล้วการเรียนก็กลับสู่สภาวะปกติ พ่อแม่ก็ชื่นมื่นค่ะ

รักเป็นพิษบางทีอาจเกิดจากพิษสุราก็ได้นะคะ แฟนใครที่ติดเหล้า และพอเหล้าเข้าปากจะอาละวาดทำร้ายร่างกาย หรือ พูดจาหยาบคายส่อเสียด ทำให้ผู้หญิงอย่างเราต้องเจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ เดี๊ยนขอแนะนำให้ออกห่างค่ะ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นเวลาปกติจะแสนดีดั่งเทพบุตร แต่ถ้าเมาเหล้าแล้วจะกลายเป็นซาตาน คุณจะทนเป็นขี้มือ ขี้ปากเขาไปนานแค่ไหนคะ แต่ถ้ารักกันมาก และเขาก็นานๆดื่มที คุณก็ต้องหาทางแก้ไขเองนะคะ

สุดท้ายก็ขอวนมาเรื่องการเคารพตนเองของผู้หญิงค่ะ เดี๊ยนไม่ใช่พวกสิทธิสตรี หรือ กลุ่ม Feminist หรอกค่ะ แต่ยอมรับตอนนี้ว่ารักตัวเองมากกว่าผู้ชาย เมื่อก่อนเดี๊ยนอาจเคยโง่มาก่อน เคยทุ่มเททำอะไรผิดๆให้กับผู้ชายชั่วๆบางคน แต่ตอนนี้เดี๊ยนให้นิยามความรักว่า รักคือ การให้ แต่ให้คนที่เหมาะสมนะคะ คนที่เขาก็รักและจริงใจกับเรา เดี๊ยนจะรักและให้เกียรติคนที่ให้เกียรติเดี๊ยนก่อนค่ะ สุดท้ายนะคะ ความรักก็เหมือนการลงทุน ถ้าคุณได้หุ้นส่วนที่คิดแต่จะเอาเปรียบคุณตลอดเวลา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ธุรกิจของคุณก็เจ๊งค่ะ แต่ถ้าคุณได้หุ้นส่วนชีวิตที่คิดแต่จะให้ คุณก็จะได้ให้เขากลับอย่างเหมาะสม รักของคุณก็จะเป็นรักที่มีคุณค่าและปราศจากพิษค่ะ

ขนมหวานไทยๆ แม่เอ้ย...


ตอนเด็กๆแม่มักซื้อขนมหวานแบบไทยไทยมาให้ทาน เราก็ชื่นชอบนะ อะไรที่เป็นกะทิ อะไรที่หวานๆ หอมๆ แต่เดี๋ยวนี้พอนึกถึงขนม กลับกลายเป็นพวกขนมของฝรั่ง เบเกอรี่ ทั้งแบบฝรั่ง แบบญี่ปุ่น พอไปนอกบ้านที ก็ไปหาเค้ก หาไอติมอร่อยๆทาน ละเลยขนมไทยไปเฉยเลย ทั้งๆที่สนนราคาก็ถูกกว่ามาก บางคนบอกว่าขนมไทย หวานมากกกกกกกก และเป็นกะทิ หรือทำจากไข่แดงไม่ดีต่อสุขภาพ คุณเอ้ยแล้วพวกขนมฝรั่งเล่า ไม่ได้ใช้น้ำตาล ใช้แป้ง ใช้ไข่แดงเหรอ จะดีกว่าก็เพียงแต่ว่า คนซื้อมองไม่เห็นไข่ ไม่เห็นคลอเรสเตอรอลที่แอบแฝงอยู่ภายใต้รูปร่างหน้าตากิ๊บเก๋เท่านั้นเอง แต่ขนมไทยนี่สิ ดูปุ๊บก็เห็นกะทิปั๊บ เห็นไข่แดงทันทีทันใด มันเลยดูน่ากลัวที่จะเอาใส่ปาก หรือบางทีอาจเป็นเพราะบรรยากาศด้วยก็ได้ ร้านขนมแบบฝรั่งจะจัดร้านสวยสด ดูมีกลิ่นอายเมืองนอก น่านั่ง น่ากิน แต่ขนมไทยสิคะ ส่วนใหญ่เปิดร้านขายกันข้างทาง จะนั่งก็ไม่ได้ ไม่สะดวก อากาศก็ร้อน นี่ถ้ามีคนลุกขึ้นมาเปิดร้านขนมไทยสวยๆติดแอร์แบบในเรื่องแม่ค้าขนมหวานบ้าง จะขายดิบขายดีไหมนะ ใครที่มีฝีมือด้านการทำขนมไทย ลองดูนะคะ แล้วเราจะไปอุดหนุน ภาพนี้ได้มาจากเพื่อนสนิทที่ลุกขึ้นมาทำขนมไทยให้สามีฝรั่งทาน นี่ขนาดเขาพำนักกันอยู่นิวยอร์กนะ ยังมีกะใจทำขนมไทยทานเล่นในวันว่าง เฮ้อ เราต้องฝึกทำบ้างแล้ว รัฐบาลก็น่าจะหันมาสนับสนุนการทานขนมไทยอย่างจริงๆจังๆ โดยเน้นที่วัตถุดิบธรรมชาติ และขั้นตอนการปรุงที่สามารถคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากมายเหลือเกิน อาจจะเป็นโครงการ ทานขนมไทยเพื่อสุขภาพ หรืออะไรก็ได้ค่ะ เพราะใครๆก็รู้ว่าขนมไทยไทยส่วนใหญ่ทำมาจากส่วนประกอบจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง มะพร้าว เผือก มัน ใบเตย ข้าวโพด ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ เจ้าค่ะ